เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #5  
เก่า 10-08-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


ยูเอ็นเตือนภัย "ระดับแดง" ชี้ทั่วโลกกำลังเผชิญ "วิกฤตภูมิอากาศ"


(Elias Funez/The Union via AP)

ยูเอ็นเตือนภัย "ระดับแดง" ชี้ทั่วโลกกำลังเผชิญ "วิกฤตภูมิอากาศ" จี้เลิกใช้ถ่านหิน-เชื้อเพลิงฟอสซิล

รอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมนี้ว่า คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ภายใต้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)เผยแพร่รายงานฉบับล่าสุด ระบุ โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตภูมิอากาศ ที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ จนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว ทำได้เพียงชะลอ เพื่อซื้อเวลาให้สามารถเตรียมการรับมือได้เท่านั้น

ทั้งนี้รายงานดังกล่าวซึ่งนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญสรุปและอธิบายความจากการอ่านผลงานการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 14,000 ชิ้น ระบุว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศในเวลานี้สูงมากพอที่จะก่อให้เกิดปัญหากับสภาพภูมิอากาศต่อเนื่องต่อไปอีกหลายสิบปีหรืออาจเป็นหลายศตวรรษ

ปัญหาดังกล่าวนั้นจะเกิดขึ้นเพิ่มเติมนอกเหนือจาก คลื่นความร้อนที่ทำให้ถึงตายได้, พายุเฮอริเคนรุนแรงขนาดมหึมา หรือภาวะภูมิอากาศแบบสุดโต่งต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นให้เห็นอยู่ในเวลานี้ และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็นระบุว่า รายงานฉบับนี้ถือเป็นการเตือนภัย "ระดับแดงสำหรับมนุษยชาติ" เป็นการเตือนภัยที่เสียงดังมากชนิดทำให้หูดับได้ "รายงานนี้คือสัญญาณบอกเหตุถึงการสิ้นสุดการใช้งานถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิล ก่อนที่ของเหล่านี้จะทำลายโลกของเรา" เลขาฯยูเอ็นระบุ

ทั้งนี้รายงานชิ้นนี้ให้รายละเอียดและสร้าวความเข้าใจได้อย่างครอบคลุมว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศทำให้ธรรมชาติของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรและส่งผลกระทบต่อเราอย่างไร โดนระบุว่า หากปราศจากการดำเนินการขนานใหญ่โดยทันทีและรวดเร็วเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อุณหภูมิของโลกเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเกินระดับ 1.5 องศาเซลเซียส ภายใน 20 ปีข้างหน้า ในขณะที่การรับปากว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของนานาประเทศในเวลานี้ ไม่เพียงพอที่จะทำให้ปริมาณของก๊าซเรือนกระจกที่สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศลดลงแต่อย่างใด

รายงานระบุว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเกิดขึ้นจากกิจกรรมของมนุษย์อย่างชัดเจน ได้ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้น 1.1 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยก่อนหน้าการปฏิวัติอุตสาหกรรม และสามารถเพิ่มสูงขึ้นไปอีก 0.5 องศาลเซลเซียส โดยไม่จำเป็นต้องไปเพิ่มมลภาวะในชั้นบรรยากาศแต่อย่างใด

ทั้งนี้การที่อุณหภูมิสูงขึ้นกว่าระดับ 1.5 องศาเซลเซียสนั้น สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนได้แล้ว โดยจตะก่อให้เกิดผลกระทบในระดับหายนะ อย่างเช่นเกิดความร้อนจัดถึงขนาดแค่ออกไปข้างนอกบ้านก็ทำให้เสียชีวิตได้ หากอุณหภูมิสูงมากขึ้นไปอีก สิ่งที่จะเกิดตามมาก็คือภาวะภูมิอากาศสุดโต่งที่รุนแรงและเกิดบ่อยครั้งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาวะร้อนสุดขีด หรือภาวะฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตา


(AP Photo/Noah Berger)

โซเนีย เซนเนวีรัตเน นักวิทยาศาสตร์จาก อีทีเอช ซูริค ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เขียนรายงานของไอพีซีซีชิ้นนี้ ระบุว่า "เรามีหลักฐานทุกอย่างเท่าที่จำเป็นในการแสดงให้เห็นว่าเรากำลังอยู่ระหว่างวิกฤตภูมิอากาศแล้วในเวลานี้" ในขณะที่ เอ็ด ฮอว์กินส์ ผู้เขียนร่วม ระบุว่า การเพิ่มขึ้นทุกๆ เสี้ยวองศามีความหมายทั้งสิ้น โดยผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น

แทมสิน เอดเวิร์ดส์ นักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศจาก คิงส์คอลเลจ ลอนดอน ผู้เขียนร่วมอีกคนระบุว่า สายเกิดไปแล้วสำหรับมนุษยชาติในการป้องกันไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจำเพาะบางสิ่งบางอย่างได้ อย่างเช่น การหลอมละลายของแผ่นน้ำแข็งกรีนแลนด์ ซึ่งจะละลายต่อเนื่องไปอีกนับสิบปีหรือนับศตวรรษ ทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

"ตอนนี้เราก่อให้เกิดคุณลักษณะบางประการของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศขึ้นแล้วชนิดที่ไม่สามารถกู้คืนได้ภายในหลายร้อยหรือหลายพันปีข้างหน้า เท่าที่เราสามารถทำได้ในเวลานี้คือการจำกัดการร้อนขึ้นของโลก เพื่อชะลอการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ลงให้มากที่สุด"

แต่แค่การชะลอการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โลกก็แทบไม่เหลือเวลาให้ดำเนินการแล้ว โดยถ้าหากโลกร่วมมือกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงมหาศาลในช่วง 10 ปีถัดไป อุณหภูมิเฉลี่ยก็จะยังสูงขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2040 และอาจเพิ่มเป็น 1.6 องศาในปี 2060 ก่อนที่จะทรงตัว แต่ถ้าเราไม่ช่วยกันปรับลดลงให้มากพอ โดยปล่อยให้เป็นไปตามแนวโน้มที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถึงปี 2060 โลกจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2.0 องศาเซลเซียส และ 2.7 องศา ณ สิ้นศตวรรษนี้

นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า โลกเราในอดีตเคยร้อนถึงระดับนั้นมาแล้ว เมื่อประมาณ 3 ล้านปีก่อน ในยุค ไพลโอซีน อีพ็อค ซึ่งระดับน้ำในมหาสมุทรในตอนนั้น สูงกว่าระดับน้ำในมหาสมุทรตอนนี้ ถึง 25 เมตร

โจรี โรเกลจ์ นักวิชาการด้านภูมิอากาศจากอิมพีเรียล คอลเลจ ซึ่งเป็นผู้เขียนร่วมอยู่ด้วยระบุว่า เราได้เปลี่ยนโลกของเราไปแล้ว แล้วเราก็ต้องรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นต่อไปอีกหลายศตวรรษ หรือสหัสวรรษ ในอนาคต แต่ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าหากเราเลือกที่จะทำในเวลานี้


NASA Earth Observatory


https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2876167

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:17


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger