เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #3  
เก่า 05-01-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation TV


ย้อนรอยภัยพิบัติปี 2021 ย่างก้าวที่ธรรมชาติเริ่มทวีความผันผวน .................. โดย เกรียงไกร เรืองทรัพย์เดช

นอกจากวิกฤต "โควิด-19" ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้ว ในปีที่ผ่านมาโลกเราต้องเผชิญภัยธรรมชาติหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อนที่สะสมมานานหลายสิบปี และในอนาคต ปัญหาเหล่านี้อาจรุนแรงเกินกว่าจะจินตนาการได้




Highlights

- ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดแพร่กระจาย ภัยพิบัติทางธรรมชาติเองก็ร้ายแรงและสร้างผลกระทบแก่ผู้คนเป็นจำนวนมากไม่แพ้กัน

- ในปีที่ผ่านมาโลกเราเผชิญภัยธรรมชาติหลายรูปแบบ ตั้งแต่คลื่นความร้อน ไฟป่าครั้งใหญ่ น้ำท่วม ภัยแล้ง หรือแม้แต่ปัญหาฝุ่นละอองจากการเผาไหม้

- สิ่งเหล่านี้เป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อนที่สะสมยาวนานหลายร้อยปีนับแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม และหากเรายังปล่อยโลกให้ดำเนินไปในทิศทางนี้ สิ่งที่ตามมาอาจร้ายแรงเกินจินตนาการของมนุษย์เลยทีเดียว

- บรรดาผู้นำประเทศต่างเริ่มตระหนักถึงปัญหาจากการประชุม COP26 ที่ผ่านมา จากข้อกำหนดและความเห็นชอบในหลายด้าน ทำให้เรายังมีความหวังในการยับยั้งภัยพิบัติเหล่านี้อยู่บ้าง

--------------------


ช่วงปีที่ผ่านมาประเด็นที่ผู้คนพากันให้ความสนใจสูงสุดย่อมเกี่ยวข้องกับโรคระบาดและการแพทย์ หลังเชื้อโรคร้ายคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปนับล้าน บังคับให้ผู้คนต้องเว้นการรวมตัวรักษาระยะห่าง เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราไปตลอดกาล สร้างผลกระทบใหญ่หลวงแก่ผู้คนเกือบทุกชนชั้น

แต่นั่นไม่ใช่แค่ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นภายในปีนี้ นอกจากโรคระบาดอีกสิ่งที่ผู้คนต้องหันมารับมือกันจริงจังคือภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรง สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นวงกว้าง เริ่มมีผู้สังเกตเห็นผลกระทบแต่นับเป็นเพียงส่วนเล็กน้อย อีกทั้งยังไม่น่ากลัวเท่าสิ่งที่กำลังจะตามมานับจากนี้


ภาพไฟป่าในประเทศกรีซ


ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ที่ทวีความถี่และรุนแรงขึ้นทุกปี

สำหรับหลายท่านอาจกลายเป็นข่าวชาชินหรืออาจไม่ให้ความสนใจนัก ด้วยภัยธรรมชาติคือสิ่งที่เกิดเป็นประจำอยู่ทุกปีแต่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมานับว่าปีนี้เป็นความรุนแรงคนละระดับ สังเกตได้จากผลกระทบและความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากเดิม ตั้งแต่


คลื่นความร้อน

นี่คือหนึ่งในปัญหาที่หนักหนาขึ้นทุกปี ความแปรปรวนทางสภาพอากาศยิ่งร้ายแรงส่งผลให้คลื่นความร้อนทวีความรุนแรง นอกจากตรงเข้ารบกวนการใช้ชีวิตรวมถึงสุขภาพเราโดยตรง ยังส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและเป็นต้นเหตุของภัยธรรมชาติอื่นตามมา

คลื่นความร้อนในปีนี้ทำให้อุณหภูมิในอุทยานแห่งชาติ เดธ วัลเลย์ ในสหรัฐฯพุ่งไปถึง 54.4 องศาเซลเซียส เช่นเดียวกับกรีซที่อุณหภูมิพุ่งไปถึง 47.1 องศาเซลเซียส หรือแม้แต่รัสเซียที่เป็นเมืองหนาวยังอุณหภูมิสูงถึง 34.1 องศาเซลเซียส เรียกว่าหลายประเทศเข้าสู่เขตร้อนกันทั่วหน้า

ทั้งหมดนี้ล้วนแสดงให้เห็นถึงความแปรปรวนทางสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบร้ายแรงตามมา


ไฟป่า
เมื่ออุณหภูมิจากอากาศตามธรรมชาติมีอุณหภูมิสูงขึ้น สิ่งตามมาคือการเกิดเพลิงไหม้ได้ง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟป่า สภาพอากาศร้อนอบอ้าวแห้งแล้งขาดความชุ่มชื้นตามธรรมชาติโอกาสเกิดจึงเพิ่มเป็นทวีคูณ และเมื่อเกิดไฟป่าขึ้นครั้งหนึ่ง อุณหภูมิที่สูงจากเปลวเพลิงยังเพิ่มโอกาสให้ปัญหาลุกลามขยายวงกว้างขึ้นอีก

เหตุการณ์ไฟป่าครั้งใหญ่ในปีที่ผ่านมาตัวอย่างเช่น ไฟป่าในรัฐบริติชโคลัมเบีย แคนาดา หลังการมาถึงของคลื่นความร้อนทำให้เกิดการลุกไหม้ นำไปสู่ผู้เสียชีวิตกว่า 719 คน, ไฟป่าในทวีปยุโรปที่เริ่มจากตุรกี ลุกลามไปยังกรีซ แอลจีเรีย สเปน จนถึงอิตาลี หรือเหตุการณ์ไฟป่าในไซบีเรียที่กินพื้นที่ไปกว่า 6,437 ตารางกิโลเมตร เป็นต้น


ภาพน้ำท่วมใหญ่ในประเทศจีน

น้ำท่วม

ภัยพิบัตินี้เป็นผลกระทบจากการขยายตัวคลื่นความร้อน เมื่อพื้นที่หนาวเย็นอย่างไซบีเรียหรือแคนาดาเกิดร้อนอบอ้าว ไอน้ำและมวลอากาศเย็นจึงถูกพัดพาไปที่อื่น เป็นผลให้มีโอกาสที่เมื่อถึงฤดูมรสุมจะเกิดฝนตกน้ำท่วมรุนแรง ด้วยปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมในหลายพื้นที่

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในจีน กับน้ำท่วมจากฝนตกครั้งใหญ่ในช่วงเดือนกรกฎาคม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 302 คน ส่งผลกระทบต่อผู้คนอีก 13 ล้านชีวิต ด้วยมวลน้ำจากการตกเพียง 3 วันที่มากเท่าฝนตกตลอดทั้งปี หรือน้ำท่วมใหญ่ในทวีปยุโรปที่กินพื้นที่ทั้งในฝั่งเบลเยียม เยอรมนี รวมถึงอิตาลี นับเป็นภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 50 ปีเลยทีเดียว


ภัยแล้ง

อีกหนึ่งภัยพิบัติที่ตามมาจากความแปรปรวนทางสภาพอากาศ เมื่อเกิดอุณหภูมิสูงทำให้ความร้อนสะสม พัดพาเอาน้ำหายไปไม่ตกกลับลงมาเป็นฝน ทำให้บางพื้นที่ขาดแคลนน้ำจนประสบปัญหาภัยแล้ง ซึ่งส่วนนี้ส่งผลต่อทั้งการอุปโภคบริโภค ภาคการเกษตร หรือแม้แต่การผลิตสินค้า

พื้นที่ได้รับผลกระทบสูงสุดในปีนี้คือแถบอเมริกาใต้ โดยเฉพาะบราซิล ปารากวัย และอาร์เจนตินา ที่เข้าจุดวิกฤติจนทำให้เขื่อนสำรองน้ำใกล้แห้งขอด ส่งผลกระทบไปถึงการผลิตไฟฟ้า แม่น้ำปารานาที่เป็นแม่น้ำสายหลักยังลดระดับต่ำสุดในรอบ 77 ปี ส่งผลต่อเส้นทางคมนาคมรวมถึงการขนส่งสินค้าอย่างร้ายแรง


ปัญหาฝุ่นละออง

อีกหนึ่งปัญหาที่อาจไม่ใช่ในทางตรงแต่ก็เป็นผลลัพธ์จากสภาพอากาศแปรปรวน เมื่อสภาพอากาศผิดเพี้ยนกระแสลมหรือฝนที่ควรมีหายไป ผลที่ตามมาคือเมื่อเกิดการเผาไหม้สะสม ตะกอนกับฝุ่นละอองในอากาศจึงยังคงอยู่ไม่ถูกขจัดให้หมดไป พากันสะสมอยู่ในอากาศและสิ่งแวดล้อมจนกลายเป็นพิษต่อผู้คน


ปัญหาฝุ่นละอองในอินเดีย

วิกฤตการณ์นี้เกิดขึ้นหลายพื้นที่ทั่วโลกที่มีอัตราการเผาไหม้สูง สอดคล้องกับบริเวณที่เกิดไฟป่าหลายครั้งอย่างกรีซ รัสเซีย หรือแคนาดา รวมถึงอินเดีย ที่ค่าฝุ่นละอองพุ่งสูงทะลุ 999 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แม้แต่ในประเทศไทยเองที่มักมีค่าฝุ่นละอองสะสมจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในระยะยาว

ทั้งหมดคือภัยธรรมชาติและวิกฤตที่เกิดขึ้นภายในรอบปีที่ผ่านมา หลายเหตุการณ์ตามปกติมักมีการกระจายข่าวกว้างขวางเพื่อส่งต่อความช่วยเหลือ แต่ปีนี้ทุกอย่างต้องสะดุดเมื่อทุกประเทศต่างผจญวิกฤติการณ์ ทำให้ประเทศที่ประสบภัยพิบัติไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือหรือการสนับสนุนมากนัก ซ้ำเติมปัญหาที่มีอยู่แล้วให้หนักขึ้นไปอีก


สาเหตุแห่งความเปลี่ยนแปลงและบ่อเกิดภัยพิบัติ เมื่อโลกกำลังส่งสัญญาณเตือน

ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นล้วนเป็นสิ่งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือภาวะโลกร้อน การแปรวปรวนของธรรมชาติกำลังย้อนกลับมาส่งผลกระทบถึงตัวเรา ร้ายแรงกว่าคือจากรายงานของ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) แห่งสหประชาชาติ ยังบอกว่า ภัยพิบัติในวันนี้เป็นแค่บทโหมโรงของสิ่งที่กำลังจะตามมา

รายงานสภาพภูมิอากาศโลกและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตบ่งชี้ชัดเจนว่า เวลาของมนุษย์เราในการแก้ปัญหาโลกร้อนกำลังจะหมดลง หากเราไม่เริ่มแก้ไขปัญหาโลกร้อนหาทางรับมือความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศเสียแต่ตอนนี้ ทุกอย่างอาจสายเกินแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไรอีก

คลื่นความร้อนต้นเหตุภัยพิบัติทั้งหลายภายในปีนี้จะมากกว่าเดิมราว 9.4 เท่า ไม่ต่างจากเหตุการณ์ฝนถล่มในประเทศจีนที่มีโอกาสเกิดมากขึ้น 2.7 เท่า เมื่อเทียบกับปี 1850 ก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม และภายในสิ้นศตวรรษนี้ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นกว่าเดิม 2 เมตร ส่งผลให้พื้นที่ตามแนวชายฝั่งอาจถูกน้ำท่วมส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้าน

หากปล่อยสถานการณ์ให้เป็นแบบนี้ต่อไป อุณหภูมิโลกอาจพุ่งสูงกว่าเดิมถึง 4 องศาเซลเซียส ผลักดันให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเกินจินตนาการเลยทีเดียว

นั่นคือเส้นทางยากจะหลีกเลี่ยงเมื่อวิเคราะห์จากแนวโน้มในปัจจุบันถือเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญในอนาคต ต่อให้ทุกประเทศหันมาจริงจังในด้านสิ่งแวดล้อมในตอนนี้ปัญหาก็ยังต้องเกิดขึ้น เพราะนี่คือผลพวงจากการกระทำของมนุษย์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมันจะเลวร้ายยิ่งกว่าถ้าไม่เริ่มหยุดเสียแต่ตอนนี้


แสงแห่งความหวังอันริบหรี่ การประชุม COP26

ท่ามกลางสถานการณ์อันเลวร้าย การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ กับความพยายามในการแก้ไขปัญหาลดกระทบที่จะเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน โดยมีจุดหมายสำคัญในการรักษาอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงเกิน 2 องศาเซลเซียส และลดการปล่อยคาร์บอนให้เหลือศูนย์ภายในปี 2050

โดยร่างสัญญาฉบับดังกล่าวมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2030 และให้ประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มเงินช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศเป็นจำนวน 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงการแสดงให้ทั่วโลกได้เห็นความสำคัญต่อปัญหาด้านสภาพแวดล้อมยิ่งขึ้น

แน่นอนว่ายังมีข้อติดขัดบางประการในการเปลี่ยนผ่านรูปแบบการสร้างพลังงาน โดยเฉพาะประเด็นด้านยุติการใช้ถ่านหินในอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า รวมถึงการที่ข้อตกลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในการประชุมไม่มีผลบังคับทางกฎหมายใดๆ ปราศจากหลักประกันมายึดเหนี่ยวจนมีลักษณะเป็นแค่สัญญาใจมากกว่า

กระนั้นก็ตามจากท่าทีการจับมือของสหรัฐฯกับจีนเพื่อนำไปสู่ข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน เห็นชอบในความร่วมมือจะลดการใช้ถ่านหิน ลดการปล่อยมีเทนและคาร์บอน เปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด รักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ให้การสนับสนุนเทคโนโลยีด้านพลังงานหมุนเวียน ก็ดูเป็นก้าวสำคัญที่พอให้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ขึ้นมาบ้าง

ถึงตอนนี้นอกจากคาดหวังว่านานาประเทศที่เข้าร่วมการประชุมจะเข้าใจ ตระหนัก และแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ตัวเราเองก็ควรเริ่มลดภาระแก่สิ่งแวดล้อม เริ่มปรับเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะตัวเราเองก็เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่ในการทำลายสิ่งแวดล้อมนี้เช่นกัน

และหากไม่เริ่มเสียแต่วันนี้บางทีอาจไม่มีโลกให้ตัวเราหรือลูกหลานได้ใช้ชีวิตอยู่อีกต่อไปก็เป็นได้


https://www.nationtv.tv/original/378859154

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:57


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger