![]() |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก Greennews
เรือเล็กแตะฝั่ง "6 มิ.ย. ท่ารัฐสภา" ร้องรบ.บังคับใช้กม.ห้ามจับตัวอ่อนสัตว์น้ำ เรือเล็กจะแตะฝั่ง 6 มิ.ย. "ท่าเกียกกาย รัฐสภา" เรียกร้องรัฐบาลบังคับใช้กฎหมายห้ามจับตัวอ่อนสัตว์น้ำอย่างเป็นรูปธรรม ประกาศ "หยุดจับ หยุดซื้อ หยุดขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน" ![]() (ภาพ : เครือข่ายประมงพื้นบ้านฯ) วันที่ 7 "จากปัตตานี สู่กรุง" เครือข่ายประมงพื้นบ้านล่องเรือทางไกลรณรงค์เคลื่อนไหว "ทวงคืนน้ำพริกปลาทู ? หยุดจับ หยุดซื้อ หยุดขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน" ด้วยการแล่นขบวนเรือเล็กประมงพื้นบ้านจากปัตตานี มุ่งสู่กรุงเทพ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายห้ามจับตัวอ่อนสัตว์น้ำที่เป็นรูปธรรม "วานนี้นับเป็นวันที่หกในการเดินทางสิบห้าวันจากทะเลใต้สู่กรุงฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายห้ามจับตัวอ่อนสัตว์น้ำที่เป็นรูปธรรม จัดโดยสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทยและสมาคมรักษ์ทะเลไทย วันนี้ (2 มิ.ย.2565) ตัวแทนนำธงรณรงค์พร้อมข้อความ "หยุดจับ หยุดซื้อ หยุดขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน? ส่งต่อจากชุมชนประมงพื้นบ้านอ.ปานาเระ จ.ปัตตานี ให้ชุมชนประมงบ้านทุ่งน้อย ต.เขาแดง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเดินทางบนเรือประมงพื้นบ้านอาสาจากชุมชนประมงตลอดชายฝั่ง และวันนี้จะมีการปล่อยขบวนเรือเพื่อเดินทางไกลไปยังกรุงเทพมหานคร โดยการใช้วิธีการล่องเรือประมงพื้นบ้านเป็นระยะทางยาว จนถึงวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่ท่าเกียกกาย กรุงเทพมหานคร " เครือข่ายฯ เปิดเผย แถลงย้ำข้อเรียกร้อง "ปกป้องสัตว์น้ำวัยอ่อน เพื่อความมั่นคงอาหาร" "การกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย กำลังส่งผลกระทบถึงระบบนิเวศ ต่อชุมชนชายฝั่ง ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่เข้าถึงอาหารทะเลได้น้อยลง เราได้จัดกิจกรรมรณรงค์ ครั้งนี้ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนทุกฝ่าย ได้ตระหนักถึงปัญหานี้ ถึงวันนี้ ประจักษ์ชัดว่า การจับ ? การซื้อ ? การขาย ? การบริโภค "สัตว์น้ำวัยอ่อน" ได้ทำลายโอกาสทางเศรษฐกิจนับหมื่นล้านบาทต่อปี ทำร้ายชาวประมงพื้นบ้านขนาดเล็กหลายแสนคนที่จะมีรายได้เลี้ยงชีพ สิ่งสำคัญคือ ทำลายโอกาสของประชาชนคนเล็กคนน้อยทั่วประเทศที่จะได้เข้าถึงอาหาร ด้วยการปล่อยให้มีการนำ "อาหารทะเล" น้ำหนัก มากกว่า "300,000,000" กิโลกรัม (สามร้อยล้าน) ถูกป่นในราคาถูกๆ โดยผลประโยชน์ตกอยู่กับ กลุ่มทุนอุตสาหกรรมประมง และ กลุ่มประกอบการอาหารสัตว์ ในสถานการณ์ที่ ทั่วทั้งโลกกำลังขาดแคลนอาหาร เรากลับปล่อยให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ซื้ออาหารคุณภาพในราคาที่แพงขึ้น ๆ ทั้งที่เรามีอาหารทะเลจำนวนมากมายมหาศาล แต่กำลังจะกลายเป็นอาหารที่มีราคาสูงจนผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลางไม่สามารถเข้าถึงได้ การรณรงค์ด้วยการเดินทางไกลด้วยเรือลำเล็กของเราในครั้งนี้ จึงมีความจำเป็น และมีความหมายยิ่งต่อความมั่นคงทางอาหารของลูกหลานของเรา ในวันนี้ และในอนาคต" แถลงการณ์เครือข่ายระบุ 6 มิ.ย. เทียบท่ารัฐสภา "แน่นอนว่า ทุกภาคส่วนควรต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งชาวประมงผู้จับสัตว์น้ำต้องมีจิตสำนึก ผู้ซื้อผู้ขายคนกลางต้องตระหนักรู้ถึงผลกระทบ ส่วนผู้บริโภคก็จะต้องมีรับผิดชอบไม่สนับสนุนการทำประมงที่จับสัตว์น้ำวัยอ่อน เราเห็นว่า ภาครัฐซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมายต้องดำเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ มิใช่ใช้วิธีการบ่ายเบี่ยง โยนภาระว่า หากผู้บริโภคไม่ซื้อ ผู้ขายไม่ขาย ผู้จับไม่จับ ย่อมไม่มีปัญหาเกิดขึ้น หรือกรณีอ้างบ่ายเบี่ยงถ่วงเวลาทำศึกษามากว่า 7 ปี จนทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เลวร้ายลง นับตั้งแต่วันนี้ ขบวนเรือลำเล็กของเรา จะเอาเราความหวังของเราเอง ความหวังของเพื่อนๆ ความหวังของคนทุกข์ยากที่จะมีอาหารครบมื้อ เราจะเอาความความหวังที่จะ "ทวงคืนปลาทูให้กลับมา" เราจะเดินทางด้วยทางเรือตลอดเส้นทาง เพื่อไปให้ถึง กรุงเทพ เทียบท่า ณ สัปปายะสภาสถาน รัฐสภา และขอเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป" เครือข่ายออกแถลงการณ์วันนี้ ณ ชายหาดบ้านทุ่งน้อย กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ https://greennews.agency/?p=28885
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|