เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #4  
เก่า 15-08-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ฮือฮา!พบซากเรือพิฆาตลำแรกของสหรัฐฯ ถูกเรือดำน้ำเยอรมนียิงจมในสงครามโลก



ทีมประดาน้ำนอกชายฝั่งอังกฤษ เชื่อว่าพวกเขาพบซากเรือพิฆาตลำหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งถูกเรือดำน้ำเยอรมนียิงตอร์ปิโดใส่จนจมอยู่ก้นทะเล ระหว่างสถานการณ์ความเป็นปรปักษ์ขั้นสูงสุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1

กองบัญชาการประวัติศาสตร์และมรดกแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯแถลงเมื่อวันศุกร์(12ส.ค.) ว่า ดาร์คสตาร์ กลุ่มนักประดาน้ำมืออาชีพจากสหราชอาณาจักร พบเศษซากที่เชื่อว่าเป็นของเรือยูเอสเอส จาค็อบ โจนส์ นอกชายฝั่งแหลมทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ

เรือลำดังกล่าวมีหน้าที่คอยลาดตระเวณและอารักขาขบวนเรือต่างๆรอบๆสหราชอาณาจักร ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม 1917 จนกระทั่งมันอัปปางลงในวันที่ 6 ธันวาคม

จากข้อมูลระบุว่าเรือพิฆาตลำนี้จมห่างจากชายฝั่งอังกฤษไปราวๆ 96 กิโลเมตร ใกล้ช่อบแคบอังกฤษ หลังจากถูกตอร์ปิโดโจมตี

บรรดานักประวัติศาสตร์ระบุว่าบรรดาลูกเรือมีเวลาแค่ราวๆ 8 นาทีก่อนเรืออัปปาง ทำให้มีลูกเรือไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่สามารถขึ้นแพยางฉุกเฉินอพยพหลบหนีได้ทัน โดยเชื่อว่ามีลูกเรือเพียง 46 คน จากทั้งหมด 110 คนที่รอดชีวิตจากการโจมตีดังกล่าว

กองบัญชาการประวัติศาสตร์และมรดกแห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ บอกว่าหลังจากอัปปาง เรือดำน้ำของเยอรมนีได้พาตัว 2 เชลยศึกขึ้นจากกระแสน้ำอันหนาวเย็น และวิทยุไปยังฐานทัพอเมริกาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง แจ้งให้ส่งกองเรือกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือลูกเรือของเรือพิฆาต

อย่างไรก็ตามสืบเนื่องจากเรือพิฆาตน้ำหนักกว่า 1,000 ตันลำนี้ จมสู่ก้นทะเลเร็วมาก ตำแหน่งสุดท้ายของมันจึงเป็นปริศนามานานกว่า 100 ปี

ทีมประดาน้ำสหราชอาณาจักรคาดหมายว่าเรือจมอยู่ที่ความลึกราวๆ 400 ฟุต และบอกว่าพวกเขายังไม่เคลื่อนย้ายวัตถุใดๆออกจากจุดที่พบซากเรือ ระหว่างการสำรวจเมื่อเร็วๆนี้

เหล่านักประวัติศาสตร์มองเรือพิฆาตลำนี้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะม้าใช้ และมีหน้าที่รับผิดชอบคอยช่วยบรรดาลูกเรือหลายร้อยคนจากเรือต่างๆที่ถูกโจมตีด้วยตอร์ปิโด ก่อนที่มันจะประสบชะตากรรมเดียวกัน

ในช่วงสุดสิ้นสงครามในเดือนพฤศจิกายน 1918 เชื่อว่าเยอรมนี ได้จมเรือพาณิชย์มากกว่า 5,000 ลำและเรือรบราวๆ 100 ลำ

อย่างไรก็ตามพวกนักประวัติศาสตร์บอกว่า แม้มีความพยายามดังกล่าว แต่กองกำลังเยอรมนีก็ไม่สามารถเอาชนะแสนยานุภาพทางทะเลของพันธมิตรได้

นิวยอร์กโพสต์รายงานว่าเหล่านักประดาน้ำมีความตั้งใจติดต่อและทำงานร่วมกับสถานทูตสหรัฐฯ เพื่อสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับเรือลำนี้

(ที่มา:นิวยอร์กโพสต์)


https://mgronline.com/around/detail/9650000077667


******************************************************************************************************


ธารน้ำแข็งอายุหลายร้อยปีบนสันเขาสวิตเซอร์แลนด์ กำลังละลายด้วยภาวะโลกร้อน


Photo Credit: www.glacier3000.ch

สกีรีสอร์ทชื่อดังแห่งสวิตเซอร์แลนด์ Glacier 3000 เปิดเผยว่า คลื่นความร้อนและฤดูหนาวที่แห้งแล้งได้ทำให้ชั้นน้ำแข็งหนาที่ปกคลุมภูเขามานานหลายศตวรรษเกือบละลายหมดภายในไม่กี่สัปดาห์

หลังจากฤดูหนาวที่แห้งแล้ง อุณหภูมิที่ร้อนจัดในฤดูร้อนที่กระทบไปทั่วยุโรป กลายเป็นหายนะสำหรับธารน้ำแข็งบนเทือกเขาแอลป์ ซึ่งกำลังละลายไปอย่างรวดเร็ว โดยเส้นทางระหว่างธารน้ำแข็ง Scex Rouge และ Tsanfleuron บริเวณสันเขาที่ปกคลุมมายาวนานตั้งแต่ยุคโรมัน กำลังละลายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เมื่อธารน้ำแข็งทั้งสองละลายไป หินเปลือยเปล่าของสันเขาทั้งสองก็เริ่มโผล่ออกมาโดยปราศจากน้ำแข็งอีกต่อไปก่อนฤดูร้อนจะสิ้นสุดลง

สกีรีสอร์ท Glacier 3000 ระบุว่าน้ำแข็งมีความหนาประมาณ 15 เมตร (50 ฟุต) ในปี 2012 จะละลายหายไปหมดไม่อีกไม่สัปดาห์นี้ และถือเป็นดินแดนที่มองไม่เห็นมานานแล้วหลายศตวรรษ

สันเขาอยู่ที่ระดับความสูง 2,800 เมตร นักเล่นสกีสามารถเดินข้ามยอดจากธารน้ำแข็งที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ แต่ตอนนี้กลายเป็นมีแนวหินโผล่ออกมาเหลือเพียงน้ำแข็งก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่

Bernhard Tschannen ผู้บริหารระดับสูงของ Glacier 3000 กล่าวว่า "ไม่มีใครก้าวเข้ามาที่นี่มากว่า 2,000 ปีแล้ว? ธารน้ำแข็ง Scex Rouge มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นทะเลสาบภายใน 10 ถึง 15 ปีข้างหน้า อาจมีความลึกประมาณ 10 เมตร มีปริมาตร 250,000 ลูกบาศก์เมตร

Glacier 3000 จึงกำลังหาวิธีปรับตัวหากผู้คนไม่สามารถเล่นสกีระหว่างธารน้ำแข็งทั้งสองได้ "เรากำลังวางแผนในพื้นที่นี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และแนวคิดหนึ่ง คือ การเปลี่ยนเส้นทางของกระเช้าลอยฟ้าในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถเข้าถึงธารน้ำแข็ง Tsanfleuron ได้โดยตรงมากขึ้น" Tschanen กล่าว

ด้าน Mauro Fischer นักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเบิร์นกล่าวว่า การสูญเสียความหนาของธารน้ำแข็งในภูมิภาคนี้จะสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 3 เท่าภายในปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงฤดูร้อนในทศวรรษที่ผ่านมา


https://mgronline.com/travel/detail/9650000077381

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:56


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger