เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #2  
เก่า 03-11-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


คนสมุยคัดค้านกำแพงกันคลื่น



ชาวบ้านริมชายหาดและผู้ประกอบการท่องเที่ยวบนเกาะสมุยเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างหนัก กรณีกรมโยธาธิการและผังเมืองจะทำโครงการฟื้นฟูบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พื้นที่หาดแม่น้ำและหาดบางมะขาม ซึ่งน่าจะเป็นโครงการนำร่องก่อนขยายไปยังหาดอื่นๆ โดยได้เปิดรับฟังความเห็น ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียไปเมื่อวันที่ 27 ก.ย. และ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา

เสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีของกรมโยธาฯบ่งบอกชัดเจนว่าจะทำ กำแพงหรือเขื่อนคอนกรีต ซึ่งเป็นโครงสร้างแข็ง ถึงขนาดจ้างบริษัทเอกชนมาสำรวจออกแบบไว้แล้ว ชาวบ้านจึงส่งตัวแทนในนาม กลุ่มรักษ์หาดเกาะสมุยไปยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมโยธาฯเพื่อขอให้ยุติโครงการดังกล่าว

สาเหตุที่ชาวบ้านคัดค้านการสร้างกำแพงกันคลื่นบนชายหาดเนื่องจากชายหาดเกาะสมุยมีลักษณะ เป็นอ่าวที่มีแหลมโอบล้อมอยู่ทั้ง 2 ด้าน และ มีคันแนวปะการังตลอดแนวชายฝั่ง ช่วยลดความรุนแรงของคลื่นตามธรรมชาติอยู่แล้ว ต่างกับ ชายหาดที่ทอดยาวบนแผ่นดินใหญ่ ที่มีการกัดเซาะค่อนข้างมาก และการสร้างกำแพงกันคลื่นยังเป็นสาเหตุให้หาดทรายหาย เกิดการกัดเซาะพื้นที่ด้านข้างปลายเขื่อนไปเรื่อยๆ (ส่วนใหญ่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวจึงไม่มีใครออกมาเรียกร้องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม)

ด้วยสภาพภูมิศาสตร์แตกต่างกัน ชาวบ้านบนเกาะสมุยจึงไม่ต้องการให้เอาฐานความคิดจากหาดทรายแผ่นดินใหญ่ไปใช้กับหาดทรายตามเกาะแก่ง และด้วยลักษณะทางภูมิอากาศของเกาะสมุย มีอิทธิพลของลมที่พัดเข้าหาเกาะตลอดทั้งปี มีทั้งหมด 8 ทิศ ได้แก่ ลมตะวันออก ลมตะวันออกเฉียงใต้ (ลมตะเภา) ลมใต้ (ลมสลาตัน) ลมตะวันตกเฉียงใต้ (ลมพัดยา) ลมตะวันตก ลมตะวันตกเฉียงเหนือ (ลมพัดหลวง) ลมเหนือ (ลมว่าว) และลมตะวันออกเฉียงเหนือ (ลมอุตรา) ลมทั้ง 8 ทิศจะช่วยชักนำคลื่นซัดทรายกลับมาเติมบนชายหาดอยู่แล้ว

ชายหาดแม่น้ำบริเวณที่ถูกกัดเซาะมีความยาวเพียง 50 เมตร กระแสน้ำคลื่นลมจะฟื้นฟูชายหาดได้เหมือนเดิมในแต่ละรอบปี ไม่มีความจำเป็นต้องไปสร้างกำแพงคอนกรีตตลอดแนวชายฝั่ง 1.5 กิโลเมตร รวมถึงแนวชายหาดบางมะขาม 2.3 กิโลเมตร ยังมีวิธีอื่นที่รักษาธรรมชาติและประหยัดงบประมาณได้มากกว่า เช่น กำหนดแนวถอยร่น ปลูกต้นมะพร้าว ปักรั้วไม้ดักทราย เป็นต้น

โครงสร้างเขื่อนบนชายหาดยังทำให้เกิด การเคลื่อนย้ายตะกอนทราย จนสูญเสียสภาพหาดทรายอย่างถาวร ซึ่งหาดทรายเป็นแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตที่ฝังตัวในทราย ทั้งปู หอย กุ้ง เป็นพื้นฐานของห่วงโซ่อาหาร เช่น ลูกปลา ลูกปู ลูกกุ้ง เพรียง และเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำวัยอ่อนหลายชนิด การสูญเสียชายหาดย่อมส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อชุมชนประมงชายฝั่ง ทั้งยังกระทบต่อการจัดงานประเพณีและวัฒนธรรมพื้นบ้าน วิถีชีวิตชุมชนที่ใช้ประโยชน์บนหาดทรายด้วย

เกาะสมุยเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลที่มีมูลค่าสูง สร้างรายได้มหาศาลให้กับชุมชนบนเกาะและประเทศไทยมานานหลายสิบปี โดยอาศัย ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ เป็นต้นทุนสำคัญ การทำเขื่อนโครงสร้างแข็งไม่ว่ารูปแบบใดจะเป็นการทำลายต้นทุนทางธรรมชาติ และรายได้จากการท่องเที่ยว

กลุ่มรักษ์หาดเกาะสมุยยังได้ไปยื่นหนังสือถึง อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อให้ช่วย ทำความเห็นแย้ง ไปยังกรมโยธาฯ พร้อม เสนอแนวทางที่เหมาะสมและยั่งยืน ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูชายหาด

ถ้าจะแก้ปัญหาอย่างครบวงจร ผมขอเสนอให้เชิญกรมเจ้าท่ามาร่วมพิจารณาด้วย จะได้จัดการเอาผิดเอกชนที่สร้างโรงเรือนรุกล้ำชายหาดทั้งหมดในคราวเดียว.


https://www.thairath.co.th/news/loca...0yJnJ1bGU9Mg==


******************************************************************************************************


เรือวิทยาศาสตร์ใต้ทะเลจีนบรรลุเป้าหมาย



หนึ่งในโครงการด้านวิทยาศาสตร์ของจีนที่เรียกว่าน่าจับตาไม่น้อยก็คือการสร้างสถานีทดลองทางวิทยาศาสตร์ในทะเลลึกซึ่งอาศัยการปฏิบัติงานของเรือสำรวจวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า "เอ็กซ์พลอเรชัน-2" (Exploration-2) หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือ "ถั่นสั่ว-2" (Tansuo-2)

เมื่อเร็วๆนี้ สื่อ CGTN ของจีนรายงานว่าเรือ "ถั่นสั่ว-2" ได้เสร็จสิ้นการทดสอบการติดตั้งสถานีทดลองทางวิทยาศาสตร์ในทะเลลึกและเดินทางกลับสู่เมืองชายฝั่งซานย่า ในมณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภารกิจนี้ได้รับการอธิบายว่าออกแบบมาเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่นำไปใช้ใต้น้ำ ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใต้ท้องทะเลลึกของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน และเพื่อใช้กับเทคโนโลยีหลักของโครงการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญอื่นๆที่อยู่ในประเทศจีน

และด้วยการร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีระหว่างสถาบันวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมทะเลลึกแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์จีน กับสถาบันเทคโนโลยีพลังงานชีวภาพและกระบวนการชีวภาพชิงเต่า ก็ทำให้การทดสอบครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามเป้า นักวิจัยระบุว่า สถานีฐานมีความจุพลังงานขนาดใหญ่ อีกทั้งการทดลองทางทะเลยังตรวจสอบความสามารถในการนำทางใต้น้ำของสถานีฐานและประสิทธิภาพการเคลื่อนที่แบบอิสระ ซึ่งช่วยให้ติดตั้งสถานีฐานบนพื้นทะเลได้อย่างแม่นยำและดำเนินงานได้ในอีกหลายสถานี โดยสถานีฐานยังรองรับการเชื่อมต่อของแพลตฟอร์มอื่นๆได้ด้วยไม่ว่าจะเป็นห้องปฏิบัติการในแหล่งกำเนิดและจ่ายพลังงานให้กับแพลตฟอร์มนั้นๆได้.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2540761

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:33


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger