![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
เร่งเอาผิด "นักท่องเที่ยว" จอดเรือใบทับปะการังเกาะยาวาซำ อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ รวบรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีเรือใบของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หลังจอดเรือทับแนวปะการัง เกาะยาวาซำ ใกล้กับเกาะปอดะ สำรวจพบแนวปะการังเสียหายเป็นแนวยาว โดยเฉพาะปะการังเขากวาง-ดอกไม้ทะเล ![]() ความคืบหน้ากรณีเพจเฟซบุ๊กขยะมรสุม โพสต์ภาพเรือใบจอดทับปะการังบริเวณเกาะยาวาซำ แหล่งดำน้ำดูปะการังใกล้กับเกาะปอดะ-ทะเลแหวก ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ (4 ม.ค.2566) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีพบท้องเรือใบจอดอยู่กลางทะเลครูดทับอยู่บนหินปะการังใต้ทะเลจนเกิดความเสียหาย บริเวณเกาะยาวาซำ จ.กระบี่ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามเรือดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบพบปะการังเสียหายและแตกหักเสียหายอย่างมาก จึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ ทั้งนี้ ช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้เน้นย้ำทุกอุทยานแห่งชาติต้องช่วยกันดูแลและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ดี ไม่เน้นที่รายได้ แต่เน้นหลังปิดฤดูกาลท่องเที่ยวแล้วจะดูแลความสมบูรณ์ของธรรมชาติได้มากน้อยเพียงใด จึงให้แต่ละอุทยานแห่งชาติต้องประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวให้ดี เกี่ยวกับกฎระเบียบการเยี่ยมชมธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติต้องไม่ทำลายทรัพยากรจนเสียหายในระดับที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพราะธรรมชาติต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวนานกว่า 10-20 ปี หรือมากกว่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ดำน้ำสำรวจความเสียหายตามแนวปะการัง จากการตรวจสอบพบว่าแนวปะการังได้รับความเสียหายเป็นแนวยาว ส่วนใหญ่เป็นปะการังเขากวางและดอกไม้ทะเล จากนั้นได้นำข้อมูลส่งให้นักวิชาการ ประเมินค่าเสียหาย ก่อนจะรวบรวมหลักฐาน แจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ประสานกับเจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ ให้ตรวจสอบเรือใบส่วนตัวลำดังกล่าว รวมถึงลาดตระเวนตามหา แต่ไม่พบ ทราบเพียงว่าเป็นเรือใบของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จอดประจำอยู่ที่ท่าเรือโบ๊ทลากูน ต.คลองเขม้า อ.เหนือคลอง นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า อยู่ระหว่างประสานเจ้าท่าเพื่อเร่งตรวจสอบเรือใบลำดังกล่าวว่าจดทะเบียนที่ใดและใครเป็นผู้ครอบครอง เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ส่วนของเรือนำเที่ยวที่ฝ่าฝืนแนวทุ่นจะติดตามเจ้าของเรือมาทำการเปรียบเทียบปรับทุกราย รายละ 5,000 บาท เพราะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ เช่นกัน พร้อมกำซับเจ้าหน้าที่เพิ่มความถี่ ในการลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่ เพื่อป้องกันการกระทำความผิด https://www.thaipbs.or.th/news/content/323219
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก Greennews
พบกิจกรรมดำน้ำท่องเที่ยว "Freediving" ทำลายแนวปะการังพีพี-ลันตา อุทยานฯ พีพี สั่งตรวจสอบพื้นที่เสียหาย-ตามหาเจ้าของเรือเพื่อปรับ ![]() อุทยานแห่งชาติเกาะลันตายอมรับยังไม่มีมาตรการจัดการ เตรียมชงหารือที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชชาติหมู่เกาะลันตาเดือนหน้า (ก.พ. 2566) พบความเสียหาย-อุทยานฯ พีพี ตามหาเจ้าของเรือ สืบเนื่องจากการเปิดเผยของ เพจเฟสบุ๊ก ขยะมรสุม เมื่อ 2 ม.ค 2566 ที่ผ่านมา ว่าพบภาพแนวประการังเสียหายจากการจอดเรือใบนักท่องเที่ยว และเรือนำเที่ยวเข้าจอดในแนวทุ่นเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี บริเวณเกาะยาวาสัม ต.อ่าวนาง จ.กระบี่ รวมถึงภาพของนักท่องเที่ยวที่ทำกิจกรรมทางน้ำฟรีไดฟ์ (Freediving) เหยียบปะการังบางส่วนแตกหักเสียหาย ล่าสุด ฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพิกัดที่เกิดเหตุ บริเวณใกล้กับเกาะยาวาซำ พบความเสียหายในแนวปะการัง มีร่องรอยปะการังแตกหัก จึงได้ทำบันทึกการตรวจสอบไว้และลงบันทึกประจำวันที่ สภ.อ่าวนาง "ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานเจ้าท่าเพื่อเร่งตรวจสอบเรือใบลำดังกล่าวว่าจดทะเบียนที่ใด และใครเป็นผู้ครอบครอง เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ พ.ศ.2504 ในส่วนของเรือนำเที่ยวที่ฝ่าฝืนแนวทุ่นจะติดตามเจ้าของเรือมาทำการเปรียบเทียบ ปรับทุกราย รายละ 5,000 บาท เพราะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ เช่นกัน พร้อมกำซับเจ้าหน้าที่เพิ่มความถี่ ในการลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่ เพื่อป้องกันการกระทำความผิด เบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบว่าเรือใบลำในภาพเป็นเรือที่มาจากพื้นที่ จ.ภูเก็ต แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าใครเป็นเจ้าของ ส่วนความเสียหายของแนวปะการัง จะให้เจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจในเบื้องต้น และประสานให้ผู้ชำนาญการมาดูรายละเอียดความเสียหายอีกครั้ง" ฑีฆาวุฒิเปิดเผย อุทยานฯ ลันตายอมรับ "ยังไม่มีมาตรการ" อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาออกประกาศวันนี้ (4 ม.ค.2566) ระบุว่า กิจกรรมฟรีไดฟ์ (Freediving) นั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยแหล่งท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันและอุทยานยังไม่มีมาตรการจัดการที่เหมาะสมรองรับ และจะนำเรื่องนี้เข้าหารือที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชชาติหมู่เกาะลันตาเดือนหน้า (ก.พ. 2565) "เนื่องด้วยในปัจจุบันอุทยานฯ ยังไม่มีการจัดการระบบ และพื้นที่ ที่เหมาะสมกับการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านความปลอดภัยและทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามมา โดยทางอทุยานฯ จะเร่งดำเนินการหารือกับคณะที่ปรึกษาอุทยานฯ ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ เพื่อให้กิจกรรม ฟรีไดฟ์ มีการบริหารจัดการที่เป็ระบบ ปลอดภัย ไม่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวลดล้อม" ประกาศระบุ ซึ่งหนึ่งในภาวะคุกคามประการัง คือการ การท่องเที่ยวในแนวปะการัง ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายจากการท่องเที่ยวประเภทดำที่ผิวน้ำ (skin diving) โดยมีการยืนหรือเดินเหยียบปะการังจนแตกหักเสียหาย และจากการท่องเที่ยวแบบดำน้ำลึก (scuba diving) ซึ่งนักดำน้ำอาจไม่ระมัดระวัง จนตีนกบกระแทกปะการังแตกหักเสียหาย มีโทษ หากปะการังเสียหาย ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมระบุไว้ว่า หากนักท่องเที่ยวมีพฤติกรรมที่ทำให้ปะการังเสียหาย มีการจับและสัมผัสปะการัง "การกระทำเหล่านั้นจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรปะการัง มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามมาตรา 16 ห้ามมิให้ผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังอาจมีความผิดตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 56 มิให้ผู้ใดจับสัตว์น้ำในเขตพื้นที่รักษาพันธุ์สัตว์น้ำ ตามที่รัฐมนตรีหรือคณะกรรมการประมงประจำจังหวัด โดยอนุมัติรัฐมนตรีประกาศกำหนด ผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับ ตั้งแต่ 5,000 ? 50,000 บาท หรือปรับจำนวน 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า จับตา Freediving รายงานข่าวเปิดเผยว่า กิจกรรมดำน้ำ Freediving ถูกจับตาด้วยเพราะกำลังได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวททางทะเลหลายพื้นที่รวมถึงหมู่เกาะพีพี หมู่เกาะลันตา ฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ เผยว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยวันละกว่า 5,400 คน "ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างเป็นอย่างมาก หลังจากการระบาดของโรค Covid-19 ทำให้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 มีเรือนำเที่ยว จำนวนมากนำนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยว ทำให้การจราจรทางน้ำคึกคัก เจ้าหน้าที่ต้องจัดระเบียบ การเข้าเทียบท่าเรือทางเข้าอ่าวมาหยา" ฑีฆาวุฒิ กล่าว อะหมาน หมัดอะดัม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) สำนักงานกระบี่ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 65 ถึงวันที่ 2 มกราคม 66 มี นักท่องเที่ยว จองห้องพัก ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น อ่าวนาง อ่าวไร่เลย์ คลองม่วง เกาะพีพี เกาะลันตา รวม จำนวน 62,927 คน สร้างรายได้ จำนวน 908.73 ล้านบาท https://greennews.agency/?p=32368
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|