![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก อสมท.
กรมประมงสั่งเบรกโปรโมต "ปลาเก๋าหยก" กรมประมง สั่ง ซีพีเอฟ ยุติการทำการตลาด "ปลาเก๋าหยก" ชี้เป็นการทำผิดเงื่อนไขจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ก่อนที่จะรายงานให้กรมประมงทราบ ย้ำปลาชนิดนี้เป็นสัตว์น้ำต่างถิ่นอันตรายต่อระบบนิเวศ ห้ามเพาะเลี้ยงในประเทศไทย ![]() กรมประมง เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ระบุ จากกรณีที่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้ทำการเปิดตัว "ปลาเก๋าหยก" พร้อมโปรโมตเป็น "วากิวแห่งสายน้ำ อุดมด้วยโอเมก้า 3 สัตว์น้ำเศรษฐกิจใหม่ของไทย" ซึ่งกรณีดังกล่าวได้ขออนุญาตกรมประมงนำเข้าลูกปลาจากประเทศจีน เพื่อทดลองเพาะเลี้ยงที่ฟาร์มปลา ตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยชูระบบการเลี้ยงที่ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทำการตลาดปั้นเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ จนเกิดเป็นกระแสความสนใจของสาธารณชนต่อประเด็นการแพร่กระจายของสัตว์น้ำต่างถิ่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศแหล่งน้ำของประเทศไทยในอนาคต นั้น นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า "ปลาเก๋าหยก" หรือ Jade perch มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Scortum barcoo เป็นปลาน้ำจืด ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย และมีการนำเข้ามาเพาะเลี้ยงเชิงเศรษฐกิจในประเทศจีนและมาเลเซีย โดยปลาเก๋าหยกจัดเป็น 1 ในสัตว์น้ำต่างถิ่น 13 ชนิด ที่ห้ามเพาะเลี้ยงในประเทศไทย ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดชนิดสัตว์น้ำที่ห้ามเพาะเลี้ยงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2564 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองพันธุ์สัตว์น้ำพื้นถิ่นหายาก หรือป้องกันอันตรายมิให้เกิดแก่สัตว์น้ำและระบบนิเวศ ซึ่งผู้จะทำการเพาะเลี้ยงต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดีกรมประมงหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมประมงมอบหมาย หากผู้ใดฝ่าฝืนตามมาตรา 65 วรรคสอง ต้องระวางโทษตามมาตรา 144 จำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง นำสัตว์น้ำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับกรณีของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ได้ขออนุญาตกรมประมงนำเข้าปลาเก๋าหยกเพื่อการศึกษาวิจัยการเพาะเลี้ยงเมื่อปี 2561 ซึ่งหลังจากระยะทดลองได้มีการชำแหละปลาทั้งหมดเป็นเนื้อปลา เหลือเพียงพ่อแม่พันธุ์ จำนวน 40 คู่ ต่อมาบริษัทฯ ได้ขออนุญาตดำเนินการศึกษาวิจัยการเพาะพันธุ์ การเลี้ยง และการตลาดผลิตภัณฑ์ปลา Jade perch ในระบบปิดน้ำหมุนเวียนเชิงพาณิชย์ เมื่อเดือน เมษายน 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดใหม่ ซึ่งกรมประมงได้อนุญาตให้ศึกษาวิจัยดังกล่าว โดยผ่านมติของคณะกรรมการด้านความหลากหลายและด้านความปลอดภัยทางชีวภาพของกรมประมง (IBC) ซึ่งต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กรมประมงกำหนด คือเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น โดยบริษัทฯ ต้องดำเนินการในพื้นที่ที่กรมประมงอนุญาตเท่านั้น และห้ามเคลื่อนย้ายปลามีชีวิตออกจากบริเวณที่อนุญาตโดยเด็ดขาด ส่วนการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการทดลองเพื่อศึกษาวิจัยด้านการตลาด กรมประมงอนุญาตให้จำหน่ายเป็นผลผลิตที่ไม่มีชีวิตเท่านั้น เช่น ปลาแช่แข็ง และอนุญาตให้จำหน่ายในช่องทางของบริษัทในเครือตามที่บริษัทเสนอแผนการศึกษามาเท่านั้น เช่น ซีพีเฟรชมาร์ท โลตัส แม็คโคร ทั้งนี้ การดำเนินการศึกษาวิจัยต้องรายงานให้กรมประมงรับทราบทุกขั้นตอน ตลอดจนต้องส่งผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์แก่กรมประมง จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า การออกข่าวประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ ดังกล่าว ได้ดำเนินการนอกเหนือจากกรอบโครงการวิจัยที่บริษัทเสนอต่อกรมประมงเพื่อขอรับอนุญาต และมีการทำประชาสัมพันธ์รวมถึงทำการตลาดโดยจำหน่ายปลาเก๋าหยกในเชิงพาณิชย์ก่อนที่จะรายงานให้กรมประมงทราบ โดยขณะนี้กรมประมงได้แจ้งให้บริษัทฯ ระงับการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวภายใน 3 วัน มิฉะนั้น กรมประมงจะดำเนินการพักใช้ใบอนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดนี้ ซึ่งหมายความว่า บริษัทฯ จะไม่สามารถดำเนินการในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับปลาเก๋าหยกได้ https://www.mcot.net/view/Etq6VVvv
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
ร้านอาหาร ยอมรับผิด ตั้งโต๊ะบริการลูกค้าริมหาดจอมเทียน เจ้าของร้านอาหาร ยอมรับผิด ตั้งโต๊ะ- เก้าอี้ บริเวณริมชายหาดจอมเทียนพัทยา จ.ชลบุรี ระบุ นำโต๊ะไปตั้งไว้เพื่อให้บริการลูกค้า ล่าสุดได้นำออกแล้ว ขณะที่เทศบาลนาจอมเทียน พร้อมเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบพื้นที่โดยบอกว่ายังไม่รับมอบพื้นที่จากทางเจ้าท่า ![]() วันนี้ (5 ก.พ.2566) น.ส.ระพีพรรณ รัตนเหลี่ยม นายกเทศมนตรีตำบลนาจอมเทียน จ.ชลบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บริเวณชายหาดจอมเทียนพัทยา จุดที่มีร้านอาหารนำโต๊ะ เก้าอี้ กว่า 30 ชุด พร้อมเสาไฟส่องสว่าง มาตั้งเรียงรายบนพื้นทรายชายหาด เพื่อรองรับลูกค้าที่จะมานั่งรับประทานอาหาร จากการตรวจสอบพบว่า จุดดังกล่าวเป็นที่ที่น้ำท่วมถึงยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการดูแลของใคร โดยเทศบาลจะเรียกเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือร่วมกัน ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นจุดที่น้ำท่วมถึง เป็นเขตรับผิดชอบของใคร ซึ่งเมื่อชัดเจนแล้ว จึงจะพิจารณาว่า จะเอาผิดกับเจ้าของร้านอย่างไรหรือไม่ ขณะเดียวกัน เจ้าของร้านอาหารที่นำเก้าอี้ไปจัดเรียงได้ออกมายอมรับผิดพร้อมกล่าวขอโทษ โดยอ้างว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ยกเก้าอี้มานั่งที่ชายหาด เมื่อลูกค้าเห็นก็อยากนั่งด้วย จึงจัดโต๊ะเพิ่มจนกลายเป็นภาพอย่างที่เห็น แต่ล่าสุดได้รื้อโต๊ะออกจากชายหาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าพัทยา เปิดเผยว่า จุดที่มีการบุกรุกของร้านอาหารดังกล่าว เป็นโครงการเสริมชายหาดที่ทำต่อมาจากชายหาดพัทยา เฟสแรกเพื่อแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยว บริเวณหาดจอมเทียน ได้ส่งมอบให้กับเทศบาลตำบลนาจอมเทียนเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2565 ขณะนี้ ยังคงดำเนินการเสริมทรายชายหาดในพื้นที่เขตเมืองพัทยา และจะดำเนินการในระยะต่อไปจนครบทุกพื้นที่ตามแผนงาน ส่วนการเอาผิดผู้ที่บุกรุกเป็นอำนาจของเทศบาลตำบลนาจอมเทียน https://www.thaipbs.or.th/news/content/324250
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|