![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
เกาะลันตา นำร่องจัดการ "ขยะและไมโครพลาสติก" ตัวร้ายทำลายระบบนิเวศ มุ่งยกระดับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ![]() ในแต่ละปีขยะพลาสติกกว่า 12 ล้านตันจะถูกปล่อยทิ้งสู่ท้องทะเลและมหาสมุทร ซึ่งร้อยละ 50 ถูกสำรวจว่ามาจากทวีปเอเชีย โดยประเทศจีนถือเป็นประเทศที่สร้างขยะพลาสติกมากที่สุด ซึ่งคิดเป็นตัวเลขอาจจะมากถึงร้อยละ 29 ตามมาด้วยประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักเมื่อชื่อของประเทศไทยเองก็ติดอันดับ 1 ใน 10 เช่นเดียวกัน โดยประเทศไทยมีการปล่อยขยะลงทะเลกว่า 22.8 ล้านกิโลกรัม และกว่า 45,000 ตันนั้นถูกซุกซ่อนไว้ในสถานที่ที่เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ไม่ต่ำกว่า 2 แสนรายต่อปีอย่าง "เกาะลันตา" จ. กระบี่ นั่นเอง แน่นอนว่า ขยะเหล่านี้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อระบบนิเวศทางทะเล ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ แต่ยังส่งผลกระทบในวงกว้างต่ออาชีพของคนชายฝั่ง ผู้ประกอบการ ตลอดจนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาของประเทศ และที่สำคัญยังส่งผลให้เกิด "ปัญหาสุขภาวะ" ตามมาอีกด้วย "โฟมและขยะพลาสติกบนฝั่งที่กำจัดไม่ถูกต้องจำนวนมาก เมื่อไหลลงสู่ทะเลจะแตกตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ และถูกเรียกว่า "ไมโครพลาสติก" (Microplastics) ซึ่งจะปนเปื้อนเข้าสู่ระบบนิเวศและห่วงโซ่อาหารผ่านการบริโภคอาหารทะเล" "โดยงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาและองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมมากมาย ระบุตรงกันว่า ไมโครพลาสติก หรือเศษพลาสติกที่ล่องลอยอยู่ในทะเลเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ระบบห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ ระบบนิเวศทางทะเลโดยตรง และปนเปื้อนในระดับเซลล์ของสิ่งมีชีวิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" "อาจก่อให้เกิดความผิดปกติของการทำงานในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบย่อยอาหาร รวมถึงสารประกอบของพลาสติกบางตัว ยังส่งผลถึงระบบสืบพันธุ์ในสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย" นายชาติวุฒิ วังวล ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ข้อมูลระหว่างการลงนามและประกาศ ?ปฏิญญาอ่าวลันตา? ผ่าน 9 หมุดหมายสำคัญ เพื่อพัฒนาและยกระดับ อ.เกาะลันตา สู่การท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืน พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นแลนด์มาร์คด้าน Blue & Green Island โดยการลงนามในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง และภาคีเครือข่ายกว่า 48 หน่วยงาน "ปัญหาขยะพลาสติกหรือไมโครพลาสติกถือเป็นประเด็นสำคัญที่ สสส. ใช้เป็นประเด็นขับเคลื่อนในครั้งนี้ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่า มีผู้คนจำนวนมากเจ็บป่วยจากการกินไมโครพลาสติกเข้าไปในร่างกายโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นบทบาทของ สสส. เราเห็นถึงการป้องกันไปพร้อม ๆ กับการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี ผ่านการให้ความรู้และการลงนามในครั้งนี้" นายชาติวุฒิ กล่าวถึงจุดประสงค์ ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สสส. มองว่า การลงนาม "ปฏิญญาอ่าวลันตา" จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ทุกคนเห็นว่า ปัญหาขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกเป็นเรื่องใกล้ตัว รวมทั้งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาในมิติอื่น ๆ ด้วย โดยปฏิญญาอ่าวลันตา จะมีการผลักดัน 9 เจตจำนงและหมุดหมายสำคัญ ดังนี้ 1.การประมงยั่งยืน 2.อนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 3.พัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจเกื้อกูล 4.การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน 5.เชื่อมโยงการพัฒนาทางเศรษฐกิจกับชุมชนท้องถิ่น 6.ลดภัยคุกคามจากไมโครพลาสติกและขยะพลาสติกในทะเล 7.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและใช้พลังงานสะอาด 8.พัฒนาทางสังคมและคุณภาพชีวิต และ 9. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน เพื่อคุ้มครองรักษา อ.เกาะลันตาควบคู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน มีความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม สุขภาวะและสิ่งแวดล้อม "งานในวันนี้ทำให้เห็นถึงการมีส่วนร่วม ซึ่งส่วนใหญ่เราคิดว่า ภาครัฐจะต้องเป็นผู้จัดการนโยบาย เป็นผู้ดำเนินงานขับเคลื่อน แต่ในทางปฏิบัติ จริง ๆ คือทุกคนมีส่วนร่วม โดยเฉพาะเอกชน เพราะฉะนั้นด้วยความตื่นตัวเหล่านี้ เราจึงมาคิดต่อว่า จะทำอย่างไรที่จะใช้โมเดลที่สำเร็จ หรือเรียกได้ว่า สำเร็จนี้ ขยายผลไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ได้ ทั้งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับขยะพลาสติกและไมโครพลาสติก รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ ด้วย" นายชาติวุฒิ กล่าว ในทุก ๆ วัน บ่อขยะเกาะลันตา ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ บนพื้นที่ 3.5 ไร่ มีขยะใหม่ถูกนำมาทิ้งกว่า 48 ตัน/วัน หรือคิดเป็น 1.34 กิโลกรัม/วัน/คน ซึ่งไม่นับรวมกับขยะที่รอการฝังกลบอีกจำนวนมากที่ไม่สามารถกำจัดได้ทัน จนส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ โดยเฉพาะโรคทางเดินทางหายใจและการป่วยเรื้อรังในเด็ก รศ.ดร.สมิทธิ์ บุญชุติมา คณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 2 สสส. กล่าวถึงปัญหาระหว่างการลงพื้นที่บ่อขยะเกาะลันตาไว้ว่า ปัญหาที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ ระบบการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งเมื่อไม่มีการคัดแยกขยะที่ดี การที่จะทำให้ขยะกลับมามีคุณค่าและสามารถรีไซเคิลได้อีกครั้งก็เป็นไปได้ยาก นอกจากนั้นบริเวณบ่อขยะยังเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นระบบการจัดขยะอย่างไม่ยั่งยืนและเป็นอันตราย "การจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง มันจะต้องร่วมมือกันอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะเป็นชุมชน ผู้ประกอบการ รวมถึงหน่วยงาน พอจัดการขยะได้อย่างดีแล้วก็จะมีขยะมาสู่บ่อขยะแบบนี้น้อยลง ซึ่งจะเป็นภาระให้ชุมชนน้อยลงด้วย" อย่างไรก็ดี สำหรับการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกอย่างเป็นระบบและรูปธรรม นอกจากการคัดแยกตั้งแต่ต้นทาง ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมปลอดพลาสติกอย่างยั่งยืน ก็เป็นสิ่งที่ รศ.ดร.สมิทธิ์ ให้ความเห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง "เราต้องการที่จะเป็นกลไกลหนึ่งในการนำสิ่งที่ชุมชนทำได้ดีอยู่แล้ว ไปเป็นต้นแบบ หลังจากนั้นนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากต้นแบบนั้นกำหนดเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงระบบมากขึ้น ถ้าเกิดว่าเรานำโครงการที่สำเร็จ นำความรู้ที่ได้จากการทำแต่ละโครงการมาแปลงให้เป็นกฎหมายและทำให้ทุกคนในประเทศยอมรับร่วมกันก็จะเป็นภารกิจที่ สสส. สามารถเรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จ" รศ.ดร.สมิทธิ์ เสนอความคิดเห็น ด้านอีกหนึ่งภาคีเครือข่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมอย่าง ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นำเสนอว่า แนวคิดการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกต้องสอดคล้องกับแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งรัฐบาลกำหนดนโยบายในการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย โดยมุ่งเน้นการคัดแยกขยะจากแหล่งกำเนิด ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะของประเทศฉบับที่ 2 (พ.ศ.2565 ? 2570) ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการขยะที่ต้นทางตามวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ เพื่อป้องกันการเกิดขยะ ตั้งแต่การออกแบบ การผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-design) ส่งเสริมการบริโภคที่ยั่งยืน โดยเลือกใช้สินค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถใช้ซ้ำและเรียกคืนกลับไปรีไซเคิลได้ การคัดแยกขยะมูลฝอย ณ ต้นทาง ให้สอดคล้องกับรูปแบบการกำจัดขยะมูลฝอยปลายทาง เพื่อให้มีการนำทรัพยากรกลับคืนจากของเสียให้มากที่สุด ทั้งในรูปแบบวัสดุรีไซเคิล (Material recovery) และพลังงาน (Energy recovery) ให้เหลือขยะที่ต้องกำจัดให้น้อยที่สุด เป็นการลดขยะทะเลลงอีกทางหนึ่งด้วย "เราเชื่อว่าการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการท่องเที่ยวสามารถที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ถ้าร่วมกันแก้ไขปัญหาสำคัญอย่างปัญหามลพิษ น้ำเสียและขยะ ซึ่งการมาร่วมมือลงนามปฏิญญาครั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษก็พร้อมให้คำแนะนำ เพื่อช่วยสนับสนุนจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อลดจำนวนขยะให้ได้มากที่สุด ในส่วนที่ยังมีขยะอยู่ก็จะนำไปรีไซเคิลให้ได้ในประสิทธิภาพดีที่สุด โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับท้องถิ่นและจังหวัดต่อไป" อย่างไรก็ดี ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักให้กับผู้บริโภคอีกครั้ง ซึ่งคงจะดีไม่น้อยหากเราทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน ลดขยะตั้งแต่ต้นทาง งดการใช้ถุงพลาสติก เพื่อส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า สิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า และสุขภาพที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นหลัง https://mgronline.com/qol/detail/9660000039469
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
'วราวุธ' สวดยับ ครูดำน้ำมือฆ่าปลาวัวไททัน ไล่เข้าคอร์สปรับทัศนคติใหม่ "วราวุธ" จัดหนักครูดำน้ำไล่ฆ่าปลาวัวไททัน ฮึ่ม ถ้าอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานฯเจอคุกแน่ ไม่ปล่อยไว้ ไล่ไปเข้าคอร์สเรียนดำน้ำปรับทัศนคติใหม่ ![]() 30 เม.ย.2566 ? นายวราวุธศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีครูสอนดำน้ำรายหนึ่ง โพสต์ลงโซเชียลว่าตนเองถูกปลาวัวไททันกัดขา บริเวณเกาะร้านเป็ด และจากนั้นได้ฆ่าปลาตัวดังกล่าว โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ปลาไปกัดผู้อื่นอีก จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ว่า ตนเองได้ทราบข่าวดังกล่าวและขอฝากผู้ประกอบการและครูดำน้ำทุกคนว่า การสอนนักเรียน การเป็นตัวอย่างที่ดีคือหัวใจสำคัญ และที่สำคัญจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการที่เราไปดำน้ำนั้นเราเข้าไปบ้านของคนอื่น เราเข้าไปในโลกที่ไม่ใช่โลกของเรา นายวราวุธ ระบุว่า ฉะนั้นปลาหรือเจ้าของบ้านเขาจะทำอะไรเป็นสิทธิของเขา และเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเคารพในสิทธิของเจ้าของบ้าน ถ้าเจ้าของบ้านมาไล่ก็แสดงว่าเขาไม่ต้องการให้เราเข้าไป การที่เขามาไล่ แล้วเราไปฆ่าเจ้าของบ้านตายนั้นหากเป็นคน คุณต้องติดคุกแล้ว แต่ไม่มีใครมาเรียกร้องสิทธิให้กับปลา ให้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ทะเล ดังนั้นเราเป็นมนุษย์ มีความคิด มีความรู้ และที่สำคัญเป็นถึงครูดำน้ำควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่น "เรื่องนี้ผมไม่พอใจมาก นี่ยังโชคดีที่อยู่นอกเขตอุทยานฯ เพราะถ้าอยู่ในเขตอุทยานฯ หรือในพื้นที่รับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ถึงติดคุกเลยคอยดู ปลาชนิดนี้ไม่ได้เป็นสัตว์น้ำคุ้มครอง แต่เป็นปลาที่คอยควบคุมระบบนิเวศแนวปะการัง หากขาดปลาวัวไททัน อาจทำให้มีศัตรูคุกคามปะการังมากขึ้นจนขาดภาวะสมดุลจึงไม่ใช่เรื่องที่มนุษย์จะไปทำร้ายเขา และหน้าที่ของคุณคือต้องอนุรักษ์ เพราะถ้าไม่มีปลาทะเลนักดำน้ำจะดำลงไปดูอะไร ถ้าไม่มีสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตใต้ทะเล แล้วจะดำลงไปดูอะไรกัน" นายวราวุธ กล่าว นายวราวุธ กล่าวว่า ดังนั้นอาชีพครูดำน้ำ เมื่อทำงานแบบนี้ มีสามัญสำนึกเพียงแค่ถูกปลาทำร้ายแล้วไปฆ่าเขาตาย เป็นเรื่องที่ไม่สมควร แล้วออกมาขอโทษ แล้วเรื่องก็จบไป ไม่ง่ายเกินไปหรือ แต่สิ่งมีชีวิตและทรัพยากรที่เสียไป ระบบนิเวศที่หายไปกับปลาตัวหนึ่ง ถ้าทุกคนคิดแบบคุณทั้งหมดคงแย่ ท้องทะเลไทยก็จะไม่เหลืออะไรให้ลูกหลานได้ดู เพราะอย่างน้อย ในละแวกนั้น ปลาไททันก็หายไป 1 ตัว แทนที่คนอื่นจะได้เห็น และเมื่อรู้ว่าปลาเขาปกป้องพิทักษ์พื้นที่ของเขา เขาไม่อยากให้รุกเข้าไป ก็อย่าเข้าไป ทั้งที่รู้อยู่ว่าปลาชนิดนี้เขาปกป้องพื้นที่ เราก็ควรไปดำที่อื่น แต่ถ้าจะเข้าไปก็ต้องรับความเสี่ยงให้ได้ ไม่ใช่ไปทำร้ายจนถึงเขาตายเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง นายวราวุธ กล่าวว่า ปลาชนิดนี้เป็นปลาสวยงาม พบเห็นได้ทั่วไป เป็นเอกลักษณ์ และทรัพย์สมบัติของท้องทะเลไทยที่เราควรจะต้องหวงแหนเอาไว้ หายากหรือไม่ยากไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะไปทำร้ายเขา แต่เป็นหน้าที่ของคุณด้วยซ้ำไปที่จะต้องปกป้องเขา "ในกลุ่มนักดำน้ำด้วยกัน ได้พูดคุยกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่สมควร เป็นถึงครูดำน้ำด้วย ตอนนี้ทราบว่าในพื้นที่ได้พักใบอนุญาตครูดำน้ำคนดังกล่าวไปชั่วคราว และที่สำคัญเขายังไม่มีใบอนุญาตในการประกอบการ ซึ่งถ้าผมเลือกได้คิดว่าอย่าให้คนแบบนี้ อย่ามาสอนดำน้ำเลย หรือถ้าไม่อย่างนั้นก็ควรไปเข้าคอร์สเรียนปรับทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องดำน้ำใหม่ดีกว่า" นายวราวุธ กล่าว. https://www.thaipost.net/x-cite-news/369238/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
เช็กด่วน! 18 สัตว์น้ำ-ซากสัตว์บัญชี Cites แจ้งครอบครอง 31 พ.ค. เช็กด่วน! กรมประมงแจ้งให้ผู้ที่ครอบครอง "สัตว์น้ำ-ซากสัตว์น้ำ-ผลิตภัณฑ์ฯ" 18 รายการครอบคลุมเต่า 6 ชนิด ตะพาบ กบลีเมอร์ ซาลาแมนเดอร์ ปลาโรนันทุกชนิด ฉลามทุกชนิด ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนภายใน 31 พ.ค.นี้ ![]() วันนี้ (25 เม.ย.2566) กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ออกประกาศให้ผู้ที่ครอบครอง ?สัตว์น้ำ ซากสัตว์น้ำ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากสัตว์น้ำ? ตามบัญชีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ( CITES) จำนวน 18 รายการ ต้องดำเนินการแจ้ง ?การมีไว้ในครอบครอง? กับทางราชการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 พ.ค.นี้ โดยสัตว์น้ำ ซากสัตว์น้ำ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากสัตว์น้ำ ประกอบด้วย - เต่ามาตามาตา 2 ชนิด > Chelus fimbriata / Chelus orinocensis - เต่าไม้ทุกชนิดสกุล Rhinoclemmys spp. - เต่ากระดองแคบ Claudius angustatus - เต่าโคลนทุกชนิด ในสกุล Kinostemon spp. (ยกเว้นชนิดที่อยู่ในบัญชี 1) - เต่าชะมดยักษ์ 2 ชนิด > Staurotypus salvinil / Staurotypus triporcatus - เต่าชะมดทุกชนิด ในสกุล Sternotherus spp. - เต่าอัลลิเกเตอร์ 2 ชนิด > Chelydra serpentine / Macrochelys temminckii - เต่ามิสซิสซิปปี้แมพ หรือ เต่าลายแผนที่ 5 ชนิด > Graptemys barbori / Graptemysernstri / Graptemys gibbonsi / Graptemys pearlensis / Graptemys pulchra - ตะพาบทุกชนิด ในสกุลApalone spp. (ยกเว้นชนิดที่อยู่ในบัญชี 1) - กบแก้วทุกชนิด ในวงศ์ Centrolenidae - กบลีเมอร์ หรือ กบใบลีสกุล Agalychnis lemur - ซาลาแมนเดอร์ หรือ นิวท์ (Lao warty newt) Laotrition laoensis - ฉลามทุกชนิดในวงศ์ Carcharhinidae - ฉลามหัวค้อน ในวงศ์ Sphynidae - ปลากระเบนน้ำจืด 7 ชนิด: Poyamotrygon albimaculata / Poyamotrygonhenlei / Poyamotrygon jabuti / Poyamotrygon leopoldi / Poyamotrygon marquesi / Poyamotrygon signata / Poyamotrygon wallacei - ปลาโรนันทุกชนิด ในวงศ์ Rhinobatidae - ปลาซักเกอร์ม้าลาย Hypancistrus zebra - ปลิงทะเลทุกชนิด ในสกุล Thelenota spp. โดยยื่นเรื่องเพื่อแจ้งครอบครองได้ที่ - สำนักงานประมงพื้นที่กรุงเทพฯ - สำนักงานประมงจังหวัด ณ ท้องที่ที่ครอบครอง - ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน E-mail ของสำนักงานประมงจังหวัด นอกจากนี้สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กลุ่มคุ้มครองพันธุ์สัตว์น้ำตามอนุสัญญา กองบริหารจัดการทรัพยากรและกำหนดมาตรการ โทร. 0 2561-1418 (ในวันและเวลาราชการ) https://www.thaipbs.or.th/news/content/326973
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|