เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #2  
เก่า 15-08-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


แพลงก์ตอนบลูมที่บางแสน เกิดบ่อย! แต่สถานีวัดสมุทรศาสตร์ใช้วิเคราะห์ทะเลยังไม่เพียงพอ .............. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์


ขอบคุณภาพจาก ชอบจัง บางแสน ย้ำเตือนว่าแพลงก์ตอนไม่มีพิษ ยังคงกินสัตว์น้ำได้ครับ

ทะเลชายฝั่งบางแสน ศรีราชา เกิดแพลงก์ตอนบลูมต่อเนื่อง จึงอยากสรุปให้เพื่อนธรณ์ทราบอีกครั้ง

น้ำเขียวปี๋เกิดจากแพลงก์ตอนพืชเพิ่มจำนวนมากผิดปรกติ แพลงก์ตอนที่พบในตอนนี้ไม่มีพิษ ยังกินอาหารทะเลได้ตามปรกติ

แต่น้ำเขียวไม่น่าเล่นน้ำ/ท่องเที่ยว ยังส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศ ออกซิเจนลดลงโดยเฉพาะบริเวณพื้นทะเล บางครั้งทำให้สัตว์น้ำตาย ยังส่งผลต่อการประมงชายฝั่งและการเพาะเลี้ยง

แพลงก์ตอนบลูมเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดขึ้นจากธาตุอาหารลงทะเลมากในหน้าฝน บางจังหวะมีแดดแรง กระบวนการในทะเลเหมาะสม ทำให้แพลงก์ตอนพืชเพิ่มเร็ว

มนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะเราเพิ่มธาตุอาหารลงไป ทั้งการเกษตร น้ำทิ้ง ฯลฯ

แพลงก์ตอนบลูมเริ่มก่อตัวในทะเลนอก และขยายจำนวนขึ้น จนเข้าสู่ระยะสุดท้ายบริเวณชายฝั่ง

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ พัดน้ำเข้าไปรวมที่อ่าวไทยตอนในแถวชลบุรี ทำให้น้ำเขียวรวมตัวอยู่แถบนั้น

ระยะสุดท้ายของแพลงก์ตอนบลูมจะเกิดเพียงช่วงสั้นๆ ไม่กี่วัน จากนั้นจะหมดไป แต่อาจเกิดขึ้นใหม่ตามลมที่พัดพามวลน้ำเข้ามา

ยังมีปรากฏการณ์แพลงก์ตอนบลูมที่เกิดตามปากแม่น้ำได้อีกด้วย แต่สุดท้ายลมในช่วงนี้ก็พัดไปรวมที่ชายฝั่งชลบุรี

เมื่อถึงช่วงปลายปี ลมมรสุมเปลี่ยนทิศ แพลงก์ตอนบลูมแถวชลบุรีอาจลดลง แต่ปีหน้าก็อาจกลับมาใหม่ตามลมมรสุม

โลกร้อนอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับแพลงก์ตอนบลูม ตามการศึกษาต่างประเทศที่พบว่าน้ำเขียวทั่วโลกเกิดถี่ขึ้นเรื่อย และขยายพื้นที่ไปในบริเวณต่างๆ ของโลก

เราวัดคลอโรฟิลล์ในผิวหน้าน้ำทะเลได้โดยใช้ดาวเทียม แต่ต้องทำเป็นระบบและติดต่อเป็นประจำ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
หากเราเข้าใจกระบวนการทางสมุทรศาสตร์เพิ่มขึ้น เช่น วัดกระแสน้ำ คุณภาพน้ำแบบเรียลไทม์ ฯลฯ เราจะเริ่มมีความสามารถในการทำนายและแจ้งเตือน

น่าเสียดายที่สถานีวัดสมุทรศาสตร์แบบดังกล่าวตอนนี้มีเฉพาะที่ศรีราชา เป็นความร่วมมือระหว่างคณะประมง มก./สสน.

ผมเคยเสนอให้มีการติดตั้งสถานีวัดสมุทรศาสตร์เพิ่มเติมไปแล้วอย่างน้อยอีก 2 ที่เพื่อให้ครอบคลุมอ่าวไทยตอนในทั้งหมด ผ่านที่ประชุมระดับชาติไปแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้เกิด (เท่าที่ทราบ)

หากเรายังไม่ทำอย่างเป็นระบบ ไม่มีข้อมูลเพียงพอ ทำได้แค่น้ำเขียวเมื่อไหร่ก็ไปตรวจสอบเหมือนอย่างที่เป็นมา เราก็ย่ำอยู่กับที่ ในขณะที่มีแนวโน้มว่าน้ำเขียวจะเพิ่มขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยในอนาคต

ในขณะเดียวกัน การยกระดับการบำบัดน้ำทิ้ง การปรับเปลี่ยนการเกษตรให้เหมาะสม จะช่วยลดปัญหาที่ต้นเหตุ

น้ำคือทุกอย่างของทะเล เมื่อน้ำมีปัญหา ทุกอย่างในทะเลก็มีปัญหา กิจการเกี่ยวกับทะเลย่อมได้รับผลกระทบ

เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะที่ แต่เป็นปัญหาในภาพรวม การแก้ไขไม่สามารถทำเฉพาะครั้งคราว แต่ต้องลงทุนลงแรงทำจริงจังต่อเนื่อง เรียนรู้เพื่อทำนายและแจ้งเตือน กำหนดเป้าในการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

หากเราไม่ลงทุนกับสิ่งเหล่านี้ ทะเลเราก็แย่ลง กิจการเกี่ยวกับทะเลก็ได้รับผลกระทบมากขึ้น

สุดท้ายไม่ว่าเราลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการท่องเที่ยวหรือฝันอยากเป็นอะไร เมื่อน้ำทะเลสีเขียวปี๋บ่อยขึ้นและบ่อยขึ้น เราก็คงยากไปถึงฝัน

โลกเราซับซ้อนมากขึ้น ตัวแปรมีมากมาย หากเราอยากอยู่กับธรรมชาติอย่างยั่งยืน ได้ประโยชน์ให้เนิ่นนาน เราต้อง "รู้จัก" ทะเลให้มากขึ้น

ณ จุดนี้ เรายังทำความรู้จักกับยุคโลกร้อนทะเลเดือดได้ไม่พอครับ

บทความโดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

อ้างอิง เพจเฟซบุ๊ค Thon Thamrongnawasawat



https://mgronline.com/greeninnovatio.../9660000072921


******************************************************************************************************


เผยแพลงก์ตอนชื่อ "Noctiluca scintillans" ทำทะเลบางแสนเปลี่ยนเป็นสีเขียวมัทฉะ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล ม.บูรพา เผยเหตุทะเลบางแสน เปลี่ยนเป็นสีเขียวมัทฉะว่าเกิดจากแพลงก์ตอนที่มีชื่อว่า "Noctiluca scintillans" เป็นแพลงก์ตอนประจำถิ่นเกิดเป็นประจำทุกปีแต่จะอยู่ในช่วงเวลาไม่นานขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อม มั่นใจ พ.ย.นี้กลับมาใสดังเดิม



วันนี้ (14 ส.ค.) สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา แจ้งเหตุทะเลบางแสน จ.ชลบุรี ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีที่ทะเลบางแสนกลายเป็นสีเขียวในช่วงหลายวันที่ผ่านมาว่า เกิดจากแพลงก์ตอนที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "Noctiluca scintillans" (น็อก-ติ-ลู-กา-ซิน-ทิล-แลนส์) ซึ่งเป็นแพลงก์ตอนที่มีสาหร่ายอยู่ในตัวเองจึงทำให้สามารถสังเคราะห์แสงได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีแสงแดดออกจะยิ่งแบ่งตัวเต็มทะเล จนกลายเป็นแพลงก์ตอนบลูม (Plankton bloom)

โดยแพลงก์ตอนที่มีชื่อว่า "Noctiluca scintillans" เป็นแพลงก์ตอนประจำถิ่นที่เกิดขึ้นทุกปี ซึ่งชาวประมงเรียกกันติดปากว่า "ขี้ปลาวาฬ" ขณะที่ปรากฏการณ์ทะเลสีเขียวจะอยู่เพียงช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบทั้งแสงแดด และธาตุอาหารในน้ำทะเลที่เปรียบเทียบเสมือนปุ๋ยชั้นดีที่มีผลต่อการเจริญเติบโต และหากมีคลื่นแรงที่ตีอาหารในโคลนทรายมาเพิ่มยิ่งทำให้แพลงก์ตอนได้รับสารอาหารเพิ่มมากขึ้น

ส่วนกรณีที่มีนักท่องเที่ยวบางรายพากันลงเล่นน้ำทะเลในช่วงที่ทะเลเปลี่ยนเป็นสีเขียวนั้น แม้หากจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ จึงอยากให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงการลงเล่นน้ำในช่วงเวลาดังกล่าว

ทั้งนี้ แพลงก์ตอนจะย่อยสลายเองตามธรรมชาติและจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยเชื่อว่าทะเลบางแสนจะกลับมาใสเช่นเดิมในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้


https://mgronline.com/local/detail/9660000073120

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 15-08-2023 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:38


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger