เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #2  
เก่า 13-09-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ภัย! ทิ้งกากมลพิษปี 66 สารปนเปื้อนพิษร้าย ............... สกู๊ปหน้า 1



ประเทศไทยยังต้องเผชิญ "การลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม" ที่ได้ก่อให้เกิดการปนเปื้อนสารอันตรายสู่ "ดิน-แหล่งน้ำ" ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งมีชีวิตร้ายแรง แล้วพื้นที่สุ่มเสี่ยงสูงคงหนีไม่พ้น "ภาคกลางและภาคตะวันออก" มักปรากฏร่องรอยซากสารเคมีถูกทิ้งมาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนใหญ่มักเป็น "พื้นที่ของเอกชน บ่อดินเก่า และที่รกร้างว่างเปล่า" ตามข้อมูลมูลนิธิบูรณะนิเวศรวบรวมมาตั้งแต่ปี 2560-30 มิ.ย.2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 395 เหตุการณ์ แบ่งเป็นปล่อยน้ำเสีย 260 เหตุการณ์ ทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม 90 เหตุการณ์ ทิ้งขยะติดเชื้อ 18 เหตุการณ์ ทิ้งขณะทั่วไป 27 เหตุการณ์

ถ้าแยกเป็นรายจังหวัดพื้นที่ทิ้งสูงสุด 5 อันดับ คือ จ.ระยอง 40 เหตุการณ์ จ.ชลบุรี 30 เหตุการณ์ จ.ปราจีนบุรี 27 เหตุการณ์ จ.สมุทรสาคร 26 เหตุการณ์ จ.นครราชสีมา 20 เหตุการณ์ โดยเฉพาะปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.มีปล่อยน้ำเสีย 25 เหตุการณ์ ทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม 10 เหตุการณ์ ขยะทั่วไป 3 เหตุการณ์

อย่างล่าสุดที่ "อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา" ในระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมปิดประกาศคำสั่งให้บริษัทเอกชนแก้ไขการประกอบกิจการโรงงานรีไซเคิลกากอุตสาหกรรม ก็พบเห็นกากถูกทิ้งกระจัดกระจายในโรงงานปล่อยทิ้งลงในร่องน้ำต่างๆ เรื่องลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมนี้ เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผอ.มูลนิธิบูรณะนิเวศ บอกว่า

จริงๆแล้วภาพรวม "การลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม" สถานการณ์ผิวเผินดูเหมือนเงียบๆ แต่ว่าปัญหายังคงเกิดขึ้น "ส่งผลกระทบชุมชนร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่อง" ส่วนใหญ่เป็นโรงงานรีไซเคิลกากของเสียอุตสาหกรรมที่ได้รับอนุญาตแล้วลักลอบฝังกลบทั้งในโรงงาน และขนย้ายออกนอกพื้นที่ไปทิ้งในหลายจังหวัด

ไม่ว่าจะเป็น "ภาคกลางและภาคตะวันออก" โดยเฉพาะพื้นที่ EEC แล้วมีหลายกรณีสามารถตรวจเจอ ?การลักลอบทิ้ง? เพียงแต่ว่าผู้ประกอบการมักอ้างไม่สามารถรับผิดชอบความเสียหายได้

ยิ่งกว่านั้น "กฎหมายยังไม่สามารถจัดการกับผู้กระทำผิดได้มาก" เช่นกรณีซุกซ่อนสารเคมีอันตรายหลายชนิดในโกดังเก่าใน อ.ภาชี จ.พระนคร ศรีอยุธยาจากบริษัทเอกชนเชื่อมโยงกับโรงงานรีไซเคิลกากของเสียอุตสาหกรรม ใน อ.อุทัย กรณีเจ้าหน้าที่พบร่องรอยการเททิ้งกากอุตสาหกรรมในโรงงานไม่ได้บำบัดกำจัดอย่างถูกวิธี

ทั้งยังตรวจพบการต่อท่อสายยางและท่อพีวีซีจากบ่อกักเก็บของเหลวเททิ้งพื้นที่ภายนอก ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อพื้นที่เกษตรกรรมข้างเคียงที่นับเป็นการกระทำความผิดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมกลับพบว่า "โรงงาน 2 แห่งนี้มีเจ้าของเดียวกัน" แถมยังเชื่อมโยงต่อเนื่องกับกรณีปัญหามลพิษเกิดจากโรงงานใน อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ และ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แล้วปัจจุบันก็ตกเป็นจำเลยในคดีที่ประชาชนฟ้องเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และให้หยุดประกอบกิจการด้วย

ทั้งยังเชื่อมโยงกรณีการลักลอบทิ้งในพื้นที่เอกชน ต.บ้านดีลัง อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี รวมถึงโรงงานรีไซเคิลกากของเสียอุตสาหกรรม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่ปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำกระทบพื้นที่เกษตรกรรมจนชาวบ้านฟ้องร้อง ทำให้ศาลจังหวัดระยองมีคำพิพากษาให้โรงงานชดใช้เงินให้ชาวบ้าน พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบด้วย

ฉะนั้นแล้วทั้ง 5 เหตุการณ์ล้วนเป็นการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จาก "ผู้ประกอบการรายเดียวกัน" ที่ก่อปัญหาส่งผลกระทบทำให้ดิน แหล่งน้ำ และน้ำใต้ดินปนเปื้อนอย่างรุนแรง

ปัจจุบันนี้ทราบว่า "ผู้ประกอบการรายนี้ขายกิจการหนีความผิดแล้ว" แต่ด้วยลักษณะความผิดค่อนข้างสร้างความเสียหายต่อ "สิ่งแวดล้อมมหาศาล" แค่กรณีเฉพาะความเสียหายใน ต.บ้านดีลัง อ.พัฒนานิคม "กรมควบคุมมลพิษ" เคยประเมินการฟื้นฟูจุดนี้ให้กลับมาเหมือนเดิมต้องใช้เงินพันกว่าล้านบาท

แม้แต่ในส่วน "การลักลอบทิ้งใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา" ก่อนหน้านี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเคยเชิญบริษัทรับกำจัดกากของเสียอุตสาหกรรมมาหารือ 10 บริษัท เพื่อหาทางแก้ปัญหาฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนก็ไม่สามารถจัดการได้ ทำให้ปัจจุบันพื้นที่ทิ้งกากของเสียทั้ง 5 จุดยังคงปล่อยทิ้งไว้ไม่มีการดำเนินการใดๆ

เรื่องนี้คงต้องเฝ้าดู "รัฐบาลชุดใหม่" จะมีแผนนโยบายดำเนินการกับกลุ่มลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมอย่างไร? เพราะส่วนตัวรู้สึกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหลายดูเหมือนจริงจังแต่ก็ยังไม่เข้มงวดเด็ดขาด

สังเกตจากการลักลอบทิ้งกากของเสียฯ "ยังเป็นปัญหาในหลายระดับหลายพื้นที่" แล้วในเรื่องนี้ก็คงต้องกล่าวโทษหน่วยงานที่รับผิดชอบ "ไม่อาจบังคับใช้กฎหมาย ตรวจสอบ และกำกับกิจการโรงงานจริงจัง" ทำให้มีจุดบกพร่องเยอะแยะมากมายจนไม่สามารถติดตามตรวจสอบการกำกับดูแลได้อย่างเคร่งครัด

หนำซ้ำ "การดำเนินคดีผู้กระทำความผิดก็ไม่สามารถทำได้เท่าที่ควร" ส่วนหนึ่งก็มาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความแล้ว ?กระบวนการสอบสวนล่าช้ามักมีปัญหาติดขัด? กลายเป็นคนทำผิดไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทำให้มีการกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้งอยู่เช่นนี้

เหตุนี้ทำให้ "หน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชน" มีการพูดคุยประเด็นผลกระทบการลักลอบทิ้งกากของเสียฯอันสร้างความเสียหายมหาศาล "ควรต้องมีมาตรการลงโทษกับโรงงานแหล่งกำเนิดด้วย" เพราะเป็นบุคคลจ้างให้โรงงานรีไซเคิลกากของเสียฯ "ขนย้ายไปกำจัด" แต่กลับไปไม่ถึงการกำจัดอย่างถูกต้อง

มีผลให้นำไปสู่ "ซุกซ่อนตามพื้นที่ต่างๆ หรือฝังกลบอย่างไม่ถูกวิธีในโรงงาน" ทำให้ดินปนเปื้อนใช้ประโยชน์ไม่ได้ แล้วสารอันตรายผิวดินซึมผ่านลงน้ำใต้ดิน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนตามมา

ประเด็นนี้ "กรมโรงงานอุตสาหกรรม" จึงปรับปรุงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ.2566 โดยกำหนดความรับผิดชอบตั้งแต่ต้นทางโรงงานผู้ก่อกำเนิด ไปจนกว่าสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจะได้รับการจัดการจนแล้วเสร็จต่างจากเดิมความรับผิดชอบสิ้นสุดเมื่อโรงงานผู้รับกำจัดได้รับมอบ

แล้วกฎกระทรวงฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2566 มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พ.ย.นี้ "ผู้ก่อกำเนิดของเสียโรงงานทั่วประเทศ" ต้องรายงานประจำปีเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว

ในส่วน "ผู้รับบำบัดกำจัดของเสีย" โรงงานลำดับที่ 101,105 และ 106 ต้องจัดส่งรายงานประจำเดือนเกี่ยวกับการจัดการวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ อันจะมีผลนับถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น

ฉะนั้นประกาศกระทรวงฉบับใหม่นี้ "นับเป็นการขยับอีกขั้นในการเอาผิดผู้ก่อกำเนิดกากของเสียอุตสาหกรรม" แม้การลักลอบจะถูกฝังกลบไปนานเท่าใดก็ตาม แต่หากเกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมภายหลัง "เจ้าหน้าที่รัฐ" สามารถสืบสวนสอบสวนย้อนหลังไปสู่ต้นกำเนิดปัญหาเจ้าของกากนั้นก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นเดิม

ทำให้ในปีนี้ "การลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมน้อยลง" เพราะมีการเพิ่มบทลงโทษและเฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น เพียงแต่ว่า "กฎกระทรวงบางฉบับยังเปิดให้ฝังกลบกากอุตสาหกรรมไม่อันตรายในโรงงานได้" แล้วเมื่อฝังกลบก็มักไม่มีใครตรวจสอบ ทำให้มีการลักลอบสอดไส้กากอุตสาหกรรมอันตรายฝังกลบลงไปด้วย

อย่างไรก็ดี ฝากถึง "รัฐบาลชุดใหม่" ต้องมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน ทั้งต้องให้ความสำคัญในการแก้ปัญหามลพิษจากการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมจริงจัง แล้วเร่งฟื้นฟูการปนเปื้อนมลพิษบริเวณจุดลักลอบทิ้งนั้น โดยเฉพาะการติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีที่ต้องมีความเด็ดขาดทุกกรณี

ย้ำว่าเมื่อกฎกระทรวงออกมาแล้ว "หน่วยงานที่รับผิดชอบ" ต้องบังคับใช้กฎหมายในการติดตาม ตรวจสอบ และดำเนินคดีเฉียบขาดทุกกรณีกับ ?ผู้ลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม? เพื่อให้คนทำผิดเกิดความเกรงกลัวต่อการกระทำนั้น.


https://www.thairath.co.th/news/local/2724436

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:57


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger