![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
เขตมรณะ! ผศ.ดร.ธรณ์ เตือนปัญหา 'ทะเลเขียว' ชลบุรีวิกฤติยาวถึงสิ้นต.ค. ทะเลชลบุรี จ่อวิกฤตหนัก หลัง อาจาร์ธรณ์ เตือนปัญหา 'ทะเลเขียว' ซ้ำซากกลายเป็น "เขตมรณะ" สัตว์ตายเกลื่อน ระบุสถานการณ์ลากยาวถึงปลายตุลาคม ![]() เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" เกี่ยวกับทะเลเขียว ในจ.ชลบุรี ระบุข้อความว่า "อยากอธิบายเรื่องเหตุการณ์น้ำเขียวปลาตายครั้งใหญ่ที่บางแสน โดยใช้ผลสำรวจล่าสุดของคณะประมง มก. ปลานานาชนิดตายจากแพลงก์ตอนบลูม เรื่องนี้คงเป็นที่ทราบกันแล้ว แพลงก์ตอนบลูมเกิดนอกชายฝั่ง มวลน้ำที่เต็มไปด้วยแพลงก์ตอนพืชเคลื่อนที่ไปตามคลื่นลม ลมฤดูนี้พัดเข้าฝั่งบางแสนศรีราชา แต่จะมีจังหวะลมแรง/ลมนิ่ง ยังเกี่ยงข้องกับกระแสน้ำชายฝั่งที่ขึ้นกับน้ำขึ้น/น้ำลง ในภาพคือชายฝั่งวอนนภา/บางแสน จุดที่มีน้ำเขียวปลาตายเมื่อ 2-3 วันก่อน ดูจากภาพจะเห็นว่าริ้วน้ำถูกพัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเป๊ะๆ ตามตำราหาดบางแสนถึงวอนนภา ยื่นออกมาจากชายฝั่ง จึงกลายเป็นเขตรับมวลน้ำเขียวจากทะเล รวมถึงปลาตายที่ลอยมาตามกระแสน้ำ/คลื่นลม มวลน้ำเขียวยังไหลเข้าสู่แพเพาะเลี้ยงริมชายฝั่ง หากอยู่ขอบนอกก็เจอเยอะหน่อย แพลงก์ตอนไม่เป็นพิษ แต่เมื่อมีเยอะมากๆ จะทำให้แสงส่องลงไปในน้ำได้น้อยมาก แพลงก์ตอนพืชในน้ำชั้นล่างจึงตายพร้อมกัน เกิดการย่อยสลายที่ใช้ออกซิเจน ทำให้ออกซิเจนในมวลน้ำชั้นกลาง/ใกล้พื้นทะเลลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว ออกซิเจนในน้ำจะต่ำลง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ บางหนถึงขั้นไม่รอด ปัจจัยว่าน้ำเขียวเข้าที่ไหน จึงเกี่ยวข้องกับทิศทางของน้ำ (คลื่นลม/กระแสน้ำ/น้ำขึ้นน้ำลง) และลักษณะชายฝั่ง หากลมเปลี่ยนทิศนิดเดียว หรือกระแสน้ำชายฝั่งเปลี่ยนแปลง จุดน้ำเขียวปลาตายก็อาจเขยิบไป แต่ช่วงนี้ยังไงก็วนเวียนอยู่แถว บางแสน/บางพระ/ศรีราชา เมื่อลมเบาลง มวลน้ำเขียวก็อาจไม่ลอยเข้าไป อีกทั้งแพลงก์ตอนไม่ได้บลูมต่อเนื่อง จะมาเป็นช่วงๆ จึงมีเวลาให้ชายฝั่งพักหายใจบ้าง แต่ตอนนี้ความถี่ในการบลูมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เวลาพักเบรคจึงมีน้อยลง วันนี้พรุ่งนี้ลมแถวนั้นก็เริ่มแรงขึ้น ทิศทางคล้ายเดิม ชายฝั่งอาจเจอน้ำเขียวระลอกใหม่ สถานการณ์เป็นเช่นนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม จากนั้นจะถึงช่วงบางแสนน้ำใส พักปิดเทอมกันยาวๆ จนถึงหน้าฝนปีหน้า แล้วเราทำอะไรได้บ้างล่ะ ? แพลงก์ตอนบลูมที่ถี่ขึ้น กลายเป็นภัยคุกคามรุนแรงของชายฝั่งแถบนี้ หากคิดจะสู้ เราต้องยกระดับการรับมือ ภาพที่นำมาให้เพื่อนธรณ์ดู คือหนึ่งการทดลองการยกระดับของคณะประมง ใช้เทคโนโลยีและการสำรวจร่วมกันหลายรูปแบบ เพื่อเข้าใจและเตือนภัยล่วงหน้า แต่จะไปต่อได้แค่ไหน ก็ต้องรอดูความจริงจังในการสนับสนุนช่วยกันของทุกฝ่าย เหมือนกับที่เคยบอกเพื่อนธรณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าครับ" https://www.dailynews.co.th/news/2722221/ ****************************************************************************************************** เมนูสยอง! หนุ่มวัย 30 เปิบ 'หอยนางรมสด' ติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อดับสลด หนุ่มเท็กซัส วัย 30 ปี กินหอยนางรมสด ป่วยเข้าโรงพยาบาล 2 วัน เสียชีวิต คาดติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ ในกระแสเลือด เกิดแผลพุพองผิวหนังรุนแรง ![]() เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ "World Forum ข่าวสารต่างประเทศ" โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า "สหรัฐ : แบคทีเรียกินเนื้อเยื่อ พบเคสมากขึ้นในสหรัฐ" ชายชาวเท็กซัส วัย 30 ปีเสียชีวิต (11/09/2023) ติดเชื้อจากกินหอยนางรมสด ปรุงจากร้านอาหารในเท็กซัส หลังเขากินไปหลายตัว เขาป่วยและเข้าโรงพยาบาล 2 วันต่อมาเขาเสียชีวิต เขามีโรคประจำตัวคือโรคตับ แพทย์ได้ตรวจสอบอาหารที่เขาทาน ติดเชื้อแบคทีเรีย Vibrio vulnificus การติดเชื้อ Vibrio ส่วนใหญ่ที่เกิดจากหอยนางรมสด จะส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียน แต่การติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Vibrio vulnificus อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดและทำให้เกิดแผลพุพองที่ผิวหนัง อย่างรุนแรง CDC รายงานประมาณ 15 ? 30% ของผู้ติดเชื้อเสียชีวิต แบคทีเรียหรือไวรัสที่มีอยู่ในหอยนางรมอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้เมื่อทานหอยนางรมดิบหรือปรุงไม่สุก ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น มะเร็ง โรคตับ เบาหวาน หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น และรุนแรงหากติดเชื้อ แบคทีเรีย Vibrio vulnificusสามารถพบได้ในอาหารทะเลดิบหรือปรุงไม่สุก แต่ก็พบตามธรรมชาติในน้ำเค็มและน้ำกร่อย เข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล พบได้ทั่วไปในพื้นที่ชายฝั่งทะเลและปากแม่น้ำ แม้ว่าแบคทีเรียจะไม่กินเนื้อจริงๆ แต่การติดเชื้อVibrio vulnificus อาจทำให้เกิดเนื้อตาย ซึ่งสร้างความเสียหายหรือทำลายเนื้อเยื่อรอบแผลได้ อุณหภูมิของน้ำที่เพิ่มขึ้นและ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศสุดขั้ว (เช่น คลื่นความร้อน น้ำท่วม และพายุรุนแรง) ทำให้โอกาสการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น สถิติในสหรัฐต่อปี 80,000 คน และเสียชีวิตประมาณ 100 คน โพสเมื่อ 30 สิงหาคม 2023 นางแบบติดเชื้อแบคทีเรีย และต้องสูญเสียขา (vibrio vulnificus พัฒนาเป็น necrotizing fasciitis) อ่านในลิงก์ https://m.facebook.com/story.php?sto...ibextid=Nif5oz ขอบคุณข้อมูล ? ภาพ เพจ "World Forum ข่าวสารต่างประเทศ". https://www.dailynews.co.th/news/2722244/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
สาวแชร์อุทาหรณ์ ดำน้ำอยู่ดี ๆ มือแสบร้อน เป็นตุ่มน้ำพองปริศนา ![]() อุทาหรณ์! สาวแชร์ "เที่ยวดำน้ำ" อยู่ๆ มือแสบร้อน เป็นตุ่มน้ำพองหนักมาก กลายเป็น "แผลปริศนา" ชาวเน็ตช่วยหาคำตอบ แนะระวังความสวยท้องทะเลซ่อนอันตราย กลายเป็นเรื่องราวที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ต่างพากันให้ความสนใจ หลังผู้ใช้ TikTok "zepiaaa" ได้ออกมาโพสต์เตือนภัยใกล้ตัว และเป็นอุทาหรณ์ให้เธอจำไปอีกนาน โดยระบุแคปชั่น "ขอให้ไม่มีใคร เจอเรื่องร้ายๆแบบนี้.. #ดำน้ำ" พร้อมเล่าเรื่องราวไปดำน้ำ จากนั้นไปถ่ายรูปกับปลาการ์ตูนอย่างสวยงาม แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอรู้สึกปวดแสบร้อนที่มือ จนทนไม่ไหว ต้องกลับขึ้นฝั่งแบบด่วน ๆ ทว่า ผ่านไปครู่เดียว ก็เกิด "แผลปริศนา" ขึ้นที่มือ เป็นตุ่มน้ำพองหนักมาก เธอจึงรีบหาน้ำส้มสายชูมาราด ก่อนจะหายาขี้ผึ้งมาทา และคิดเอาเองว่าคงเป็นแผล กินยาแก้แพ้ และสเตียรอยด์เดี๋ยวก็คงดีขึ้น แต่สุดท้ายหลังจากผ่านไป 1 วัน ก็มีอาการบวมรวมด้วย จึงตัดสินใจไปหาหมอเฉพาะทาง โดยหมอระบุว่า น่าจะโดนพิษสัตว์ใต้ทะเล ถ้าแผลแฉะแล้ว เข็มพิษยังอยู่ที่ผิวหนัง มันจะยัง Active กระจายพิษต่อไปได้อีก ซึ่งตอนนี้เธอใช้เวลาหลายเดือนในการรักษา และมีอาการดีขึ้นตามลำดับ จนผิวบริเวณที่โดนพิษเริ่มกลับมาเกือบปกติ งานนี้เมื่อแชร์ออกไป ชาวเน็ตเข้ามารับชมคลิปกว่า 4 ล้านวิว พร้อมคอมเมนต์กันสนั่น หลายคนได้เข้ามาแชร์ประสบการณ์ ว่าเคยโดนเหมือนกัน คาดว่าน่าจะโดนพิษดอกไม้ทะเล จริง ๆ เพราะพวกปลาการ์ตูนจะชอบอยู่ใกล้พวกพืชทะเลมีพิษ ขณะเดียวกันเจ้าของคลิปก็ได้เข้ามาอธิบายเพิ่มเติมว่า "หมอบอกว่าโดนสิ่งมีชีวิตที่มีพิษใต้ทะเล แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นตัวอะไร แต่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บอกว่าอาจจะเป็นดอกไม้ทะเล" https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7868537
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
งานวิจัยเผย แม่น้ำทั่วโลกคุณภาพย่ำแย่ลง เพราะโลกร้อนขึ้น ![]() มหาวิทยาลัย University of Adelaide ประเทศออสเตรเลีย เผยว่า โลกร้อนมีส่วนทำให้แม่น้ำลำคลองทั่วโลกมีคุณภาพแย่ลงจริง อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จากสภาวะโลกร้อน นอกจากจะสร้างความปั่นป่วนให้กับสภาพอากาศโลกแล้ว ยังมีส่วนทำให้แม่น้ำหลายสายทั่วโลกมีคุณภาพแย่ลง จากทั้งผลกระทบน้ำร้อน การบลูมของตะไคร่น้ำ และค่าความเค็มที่สูงขึ้นเพราะภัยแล้ง งานวิจัยเผย แม่น้ำทั่วโลกคุณภาพย่ำแย่ลง เพราะโลกร้อนขึ้นใครจะไปคิด ว่าที่เห็นแม่น้ำหลายสายคุณภาพย่ำแย่ลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสภาวะโลกร้อน ผลงานจากการรวบรวมงานศึกษาวิจัยกว่า 1,000 ฉบับที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมของแม่น้ำทั่วโลก โดยมหาวิทยาลัย University of Adelaide ประเทศออสเตรเลีย เผยว่า โลกร้อนมีส่วนทำให้แม่น้ำลำคลองทั่วโลกมีคุณภาพแย่ลงจริง โดยหลายๆ งานวิจัย ชี้ว่า 56% ของรายงานที่พบผลกระทบคุณภาพแม่น้ำลดต่ำจากสภาวะโลกร้อน ล้วนแล้วรายงานเกี่ยวกับปริมาณออกซิเจนในน้ำที่ลดต่ำลง เพราะอุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้น ร่วมกับการบลูมของตะไคร่และสาหร่ายในน้ำ งานวิจัยเผย แม่น้ำทั่วโลกคุณภาพย่ำแย่ลง เพราะโลกร้อนขึ้นนอกจากนี้ หลายๆ งานวิจัยยังพบว่า "สภาวะภัยแล้ง" จากผลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังมีผลทำให้ค่าความเค็มของน้ำในแม่น้ำพุ่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบนิเวศที่เป็นระบบนิเวศน้ำจืด ระดับน้ำที่แห้งงวดลง ยังทำให้ปริมาณสารพิษและมลภาวะที่ละลายในน้ำมีความเข้มข้นขึ้นด้วย ยิ่งสร้างผลเสียต่อคุณภาพน้ำในแม่น้ำทบเท่าทวีคูณ จากการรีวิวงานวิจัยกว่าพันฉบับที่ว่า พบว่า ปัจจัยความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มีผลต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมของแม่น้ำ นั่นก็คือ อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น จนทำให้ระบบนิเวศของแม่น้ำเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเมื่อ น้ำร้อนขึ้นและปริมาณตะไคร่น้ำและสาหร่ายในน้ำเพิ่มขึ้น จนทำให้ปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำลดต่ำลง งานวิจัยเผย แม่น้ำทั่วโลกคุณภาพย่ำแย่ลง เพราะโลกร้อนขึ้นหนึ่งในตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบชัดเจนของสภาวะโลกร้อนที่มีต่อความเสื่อมโทรมของแม่น้ำ มาจากกรณีที่พบว่า แม่น้ำ Murray ในออสเตรเลียต้องพบกับสภาวะคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างช่วงภัยแล้งแห่งสหัสวรรษระหว่างปี 2007 ? 2020 ซึ่งพบว่า น้ำในแม่น้ำลดต่ำจนเกิดค่าความเค็มและค่าความเป็นกรดในน้ำพุ่งสูง จนเป็นเหตุให้เกิดปลาตายเป็นจำนวนมากในปี 2019 "จากผลงานวิจัยหลายๆ ฉบับ ระบุตรงกันว่าผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนส่งผลต่อคุณภาพน้ำในแม่น้ำอย่างชัดเจนและน่ากังวลขึ้นเรื่อยๆ ตรงกับหลายๆ การคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่เคยเตือนไว้ถึงผลกระทบโลกร้อนต่อระบบนิเวศแม่น้ำทั่วโลก" Luke Mosley หนึ่งในคณะนักวิจัย กล่าว Mosley กล่าวเตือนว่า แม่น้ำมีความสำคัญต่อทั้งการดำรงชีวิตของมนุษย์และความอยู่รอดของโลกธรรมชาติมาก เพราะนอกจากแม่น้ำเป็นระบบนิเวศสำคัญที่สุดระบบหนึ่ง แม่น้ำยังเป็นแหล่งทรัพยากรล้ำค่าที่ให้ น้ำจืด สำหรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ตลอดจนทรัพยากรสัตว์น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน หากเรายังปล่อยให้แม่น้ำของเราเสื่อมโทรมลงจากผลสภาวะโลกร้อน สุดท้ายแล้วผู้ที่จะได้รับผลกระทบตามมานั่นคือมนุษย์เรานั้นเอง https://www.nationtv.tv/gogreen/378930309
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|