เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #2  
เก่า 13-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


วอนขอลมหายใจสะอาด .................. คอลัมน์ บทบรรณาธิการ



แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่โลกก็ยังต้องประสบภัยพิบัติต่อไป ทั้งที่เกิดจากภัยธรรมชาติเช่น ฝนแล้งและน้ำท่วม และภัยที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เช่นภัยฝุ่นจิ๋ว PM2.5

ที่กำลังระบาดในประเทศไทย ถึง 53 จังหวัด จากทั้งหมด 77 จังหวัด ภาพที่กระทบต่อสุขภาพระดับสีแดง 5 จังหวัด

5 จังหวัดที่มีฝุ่นพิษขนาดจิ๋วระดับสีแดง ได้แก่ อ่างทอง ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี และสิงห์บุรี จังหวัดที่รองลงไป เช่น ลพบุรี สมุทรสาคร สระบุรี นครสวรรค์ อยุธยา อุทัยธานี สุพรรณบุรี นครปฐม เป็นต้น รวมทั้ง กทม. ที่อยู่ในระดับอันตรายสูง ที่เขตดอนเมือง หลักสี่ และบางเขน

เมื่อพูดถึงฝุ่นพิษซึ่งเป็นภัยประจำปี สิ่งแรกที่คนไทยนึกถึงคือภาคเหนือ ที่มีการเผาป่า เผาไร่ข้าวโพด และอื่นๆมากสุด ทำให้นครเชียงใหม่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆของไทยและของโลก กลายเป็นพื้นที่ที่อากาศย่ำแย่ที่สุดในโลกในบางปี ส่วน กทม.ก็คงต้องฉีดน้ำตามถนนต่างๆ เหมือนเดิม

การเผาป่าเผาไร่เพื่อทำการเกษตร เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใครใส่ใจปฏิบัติ แม้แต่อาเซียนก็มีสัญญาหรือความตกลงร่วมกัน เพื่อควบคุมการเผาป่า แต่ไม่มีผลบังคับใช้จริงจัง ระหว่างไทย ลาว พม่า และกัมพูชา เพื่อป้องกันการเผาไร่เผาป่า ทั้งๆที่ 4 ประเทศมีดินแดนติดกัน และมีสัญญาร่วมกัน

แต่สัญญาห้ามเผาสวนปาล์มน้ำมันกลับใช้ได้ผล ระหว่างสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพราะสิงคโปร์ทำการรณรงค์ห้ามผู้บริโภคใช้น้ำมันปาล์ม จากสวนที่ใช้วิธีเผาไร่และเผาป่า ประเทศ ไทยน่าจะจับมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย

แต่สัญญาจะกลายเป็นแค่ "ตัวอักษรบนแผ่นกระดาษ" หรือไม่ แม้แต่ภายในประเทศก็ยังมีการโต้เถียง สส.พรรคก้าวไกลโวยว่า สภารับร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดไว้ดำเนินการ 4 ฉบับ ได้แก่ฉบับของ ครม. ฉบับพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ แต่ทำไมจึงไม่รับร่างพรรคก้าวไกลด้วย

ทั้งๆที่เป็นร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาตรงกัน และมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือขอลมหายใจที่สะอาดให้คนไทยทั้งประเทศ กว่า 66 ล้านคน ให้ได้สูดได้เต็มปอด เรื่องนี้เป็นปัญหาการเมืองหรือไม่ เนื่องจากพรรคก้าวไกลกลายเป็นคู่แข่งของพรรคเพื่อไทย จึงต้องใช้ทุกยุทธวิธี รวมทั้งเตะตัดขาคู่ต่อสู้.


https://www.thairath.co.th/news/loca...0yJnJ1bGU9Mg==


******************************************************************************************************


PM 2.5 วิกฤติ ส่งผลโรคทางสมอง..ระบบประสาท



ต้องยอมรับว่าเวลานี้ค่าฝุ่น PM 2.5 ในเมืองไทยเข้าสู่ภาวะวิกฤติ และกลายเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดต่อสุขภาพอนามัยของคนไทย ที่ส่งผลกระทบทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

องค์การอนามัยโลก (WHO) ตั้งค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศว่าหากมีเกินกว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขณะที่ประเทศไทยกำหนดอันตรายของฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่เกินกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งต่างจากเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกอยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง


สาเหตุของการเกิดฝุ่น PM 2.5 มีแหล่งกำเนิดมาจาก 2 แหล่งคือ

แหล่งกำเนิดปฐมภูมิ เช่น การคมนาคมขนส่ง, การเผาในที่โล่งแจ้ง, โรงงานอุตสาหกรรม, โรงงานผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล

แหล่งกำเนิดทุติยภูมิ เช่น การปฏิกิริยาเคมีในอากาศโดยมีสารเคมีกลุ่มซัลเฟอร์ หรือกลุ่มไนโตรเจนและแอมโมเนียเป็นสารตั้งต้น รวมทั้งสารเคมีต่างๆที่เป็นอันตราย เช่น ปรอท, แคดเมียม, อาร์เซนิก, โพลีไซคลิกอะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน และสารก่อมะเร็งจำนวนมาก

ปัจจัยที่ทำให้ PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาในปัจจุบันคือ ยังคงมีแหล่งสร้างมลพิษทางอากาศซึ่งไม่สามารถควบคุมให้ปริมาณมลพิษทางอากาศจากแหล่งที่มาเหล่านี้ลดลงได้ รวมถึงสภาพความกดอากาศต่ำ ทำให้การเคลื่อนย้ายของฝุ่นมลภาวะทางอากาศไม่ถ่ายเทออกไปโดยง่าย

ฝุ่น PM 2.5 สามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั่วไประยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะถ้ามีการสะสมในร่างกายเป็นระยะเวลานานๆ เช่น ระบบผิวหนัง ทำให้มีปัญหาผื่นคัน ผื่นแพ้, ลมพิษ, ผิวหน้าเหี่ยวแพ้ง่าย และเกิดริ้วรอยบริเวณร่องแก้มมากยิ่งขึ้นด้วย ระบบทางเดินหายใจ กระตุ้นภูมิแพ้, โรคหืด, โรคถุงลมโป่งพอง, ทำให้เกิดปัญหาโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, มะเร็งปอด ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดและหัวใจเรื้อรัง มีผลต่อการพัฒนาการ สติปัญญาของเด็ก และกระทบต่อการเจริญเติบโตของร่างกายในเด็ก และสามารถส่งผลถึง ทารกในครรภ์มารดา ทำให้เจริญเติบโตช้าหรือคลอดก่อนกำหนดได้ เดิมทีเราอาจไม่ได้คิดว่า PM 2.5 จะส่งผลกระทบใดๆต่อสุขภาพ เพราะมีขนาดเล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ด้วยขนาดที่เล็กมากๆ นี่เอง ที่ทำให้ฝุ่นจิ๋วสามารถแทรกซึมเข้าสู่อวัยวะสำคัญๆในร่างกายได้ โดยเฉพาะสมองและระบบประสาทที่หลายคนอาจไม่คาดคิด


PM 2.5 เข้าสู่อวัยวะต่างๆได้อย่างไร...

เท่าที่มีข้อมูลขณะนี้ พบว่า ฝุ่นจิ๋วสามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายได้อย่างน้อย 3 ช่องทาง คือ

1.ผ่านผนังโพรงจมูกส่วนติดต่อสมองรับกลิ่น โดยจะซึมผ่านขึ้นไปที่สมองส่วนหน้าด้านล่าง

2.ผ่านเข้าไปในปอด เข้าไปถึงหลอดลม แล้วซึมเข้าสู่กระแสเลือดที่ไหลเวียนไปยังสมอง

และ 3.ผ่านเข้าสู่ทางเดินอาหาร โดยการกลืนลมที่มีฝุ่นจิ๋วปะปนในระหว่างการพูดคุยแล้วดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด หรือไปเปลี่ยนจุลชีพและสภาวะแวดล้อมในทางเดินอาหารก่อนจะไหลเวียนไปที่สมอง

มีการศึกษาในงานวิจัยหลายฉบับ พบว่า มีการสะสมของอนุภาคฝุ่นจิ๋วในสมองจริง โดยเฉพาะในสมองส่วนหน้า ซึ่งผ่านมาจากผนังโพรงจมูกส่วนติดต่อสมองรับกลิ่น โดยจะซึมผ่านขึ้นไปที่สมองส่วนหน้าด้านล่าง จากการตรวจพบอนุภาคฝุ่นจิ๋วในสมองส่วนหน้าคล้ายๆกลุ่มโรคที่เกิดขึ้นในสมองโดยทั่วไป

โดยพบว่าในเด็กเล็กที่อยู่ในช่วงเจริญเติบโต หากมีการสะสมของ PM 2.5 ในสมอง จะส่งผลถึงพัฒนาการของสมองช้ากว่าเด็กที่ไม่ได้รับการสะสมของฝุ่นจิ๋ว


นอกจากนี้ ในสมองส่วนลึกยังพบว่ามีโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกันระบบประสาทเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเชื่อมโยงตรงกับช่วงเวลาที่มีการเพิ่มขึ้นของ PM 2.5

ในทางการแพทย์อธิบายได้ว่า PM 2.5 มีผลกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบในระบบประสาทส่วนกลาง และหากผลกระทบนี้ลุกลามไปยังสมองที่ทำหน้าที่อื่นๆ ก็จะส่งผลให้การทำงานของสมองในตำแหน่งนั้นผิดปกติไป เช่น ทำให้เกิดความจำเสื่อม ฯลฯ

การป้องกันและดูแลสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5 ทำได้โดยสวมหน้ากากป้องกัน โดยต้องเป็นหน้ากากที่มีคุณภาพ เช่น N95 หากไม่มีอาจใช้หน้ากากอนามัยซ้อนกัน 2 ชั้น แต่การสวมใส่หน้ากากควรสวมใส่อย่างถูกต้อง คือ ควรสวมใส่ปิดให้แนบสนิทกับใบหน้าทุกส่วน

ควรอยู่ในอาคาร บ้าน หรือพื้นที่ปิดมิดชิดมากกว่าการอยู่นอกบ้านหรือในพื้นที่โล่ง เพราะจะมีโอกาสสัมผัสฝุ่นน้อยลง และควรเปิดเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองที่มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่น PM 2.5 ในกรณีที่ไม่มีการเปิดแอร์ ก็ควรเปิดพัดลมร่วมกับเปิดเครื่องฟอกอากาศ โดยปิดห้องให้มิดชิดไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาภายในห้อง

ซึ่งแม้จะไม่สามารถป้องกันอันตรายจาก PM 2.5 ได้ 100 % แต่ก็ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อระบบอวัยวะสำคัญในร่างกายลงได้ไม่มากก็น้อย.


https://www.thairath.co.th/lifestyle...0zJnJ1bGU9Mw==
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:54


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger