เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #5  
เก่า 17-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


5-3-5 พาชายหาดไทยกลับมาอยู่จุดที่ดีอีกครั้ง .................. โดย ฟาห์เรนน์ นิยมเดชา



เราเริ่มปี 2567 ที่ดูเหมือนมีท่าทีดีขึ้น เพราะตัวเลขงบประมาณของภาครัฐในการจัดการปัญหาชายหาดลดลงกว่าครึ่งจากปีก่อน ๆ จากพระราชบัญญัติร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่พึ่งเข้าสภาไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากที่ตัวเลขเคยสูงถึง 1,500 ? 1,600 ล้านบาทในปีก่อน ๆ แต่ตลอดสองทศวรรษกลับพบว่าเราไม่สามารถแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้จริง หนำซ้ำยิ่งเป็นการเพิ่มกำแพงกันคลื่นหลาย ๆ รูปแบบที่เป็นโครงสร้างทางวิศวกรรม ทำร้ายชายหาดไม่รู้จบ ผศ.ดร. สมปรารถนา ฤทธิ์พริ้ง อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเริ่มต้นวงเสวนา

แต่เมื่อเอางบประมาณ 800 ร้อยล้านบาทออกมากาง อาจารย์สมปรารถนา ชวนเรามองงบก้อนนี้ออกเป็นส่วนดำเนินการและงบศึกษา ส่วนดำเนินการคืองบที่เอาไปลงกับโครงการกำแพงกันคลื่นต่าง ๆ ซึ่งทำให้เห็นว่างบประมาณในส่วนนี้มีจำนวนสูงสุด ส่วนงบศึกษาก็จะเอาไปทำการศึกษาว่าส่วนไหนต้องมีการซ่อมแซมหรือเพิ่มเติมกำแพงกันคลื่นอีกบ้าง และจะตั้งงบประมาณเข้าสู่หน่วยงาน เพื่อของบดำเนินการในปีถัดไป ถึงจุดนี้อาจารย์สมปรารถนาชี้ให้เห็นว่านี่เป็นวิธีที่ไม่ทันการต่อการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เพราะพลวัตรของชายหาดนั้นมีสูงเกินกว่าที่จะใช้เวลาข้ามปีในการจัดการ นี่จึงเป็นต้นเหตุของความผิดพลาดของหน่วยงานรัฐตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หรือเฉพาะเจาะจงเท่าที่อาจารย์สมปรารถนาติดตามก็ล่วงระยะเวลากว่าสองทศวรรษ

สิ่งที่เราเห็นเด่นชัดที่สุดจากการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายหาดของรัฐ คือการเอาโครงสร้างทางวิศวกรรม ไม่ว่าจะเป็น กำแพงกันคลื่น เขื่อนกันคลื่นนอกชายฝั่งหรือรอดักทราย นี่เป็นโครงสร้างยอดฮิตที่หน่วยงานรัฐเลือกทำในการป้องกันชายฝั่ง แต่สิ่งเหล่านี้กลับไม่เคยแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้เลยตลอดระยะเวลาสองทศวรรษนี้ อาจารย์สมปรารถนาได้หยิบยกกรณีศึกษาให้เราเห็น ถึงหลายกรณี ว่าการแก้ไขการกัดเซาะชายฝั่งโดยวิธีนี้ จะยิ่งทำให้ชายหาดถูกกัดเซาะมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงยุคที่เราเรียกว่า "กำแพงกันคลื่นระบาด" ที่ปัจจุบันพบว่ากำแพงกันคลื่นปรากฏบนชายฝั่งอ่าวไทยแล้วเกือบ 200 กิโลเมตร

"ตามหลักวิทยาศาสตร์ คลื่นคือพลังงานอย่างหนึ่งที่ต้องการที่อยู่" กำแพงกันคลื่นคือสิ่งที่จำกัดการอยู่ของพลังงาน เพราะฉะนั้นคลื่นก็จะเคลื่อนตัวออกไปตามแนวกำแพงกันคลื่น และทำให้การกัดเซาะนั้นขยายวงต่อไป "ถ้ารัฐบอกว่าวิธีนี้คือการปกป้องชายหาด แต่ทำไมตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราไม่ได้ชายหาดกลับคืนมาเลย"

"ผมจะพูดในสิ่งที่ผมอยากพูด ไม่ว่าพิธีกรจะถามอะไร" ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พูดติดตลกก่อนเริ่มลงเนื้อหาในส่วนของบทบาทและหน้าที่ที่ตัวเองสังกัด ในฐานะคนที่ทำงานด้านชายฝั่งมากว่าสามสิบปี อธิบดีฯบอกว่า สิ่งที่เรามีปัญหากันมาตลอดหลายสิบปี คือเรื่องของ HOW (ทำอย่างไร) ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็มีจุดประสงค์ไม่ต่างกัน แต่ต่างกันที่บริบทหน้าที่และข้อจำกัดของแต่ละคน วันนี้ฐานความรู้เรื่องการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งกว้างขึ้น มีการ OVERLAB กันมากขึ้น ไม่ใช่ว่าในอดีตนั้นทำผิดไป "แต่ความรู้ความเข้าใจในวันนั้นมีแค่นั้น" พวกเราที่อยู่ต่อในวันนี้ก็ต้องแก้ปัญหากันต่อ อธิบดีฯ เชื่อว่าวันนี้เรามาถูกทางแล้วและเราต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป ซึ่งอธิบดีฯ ได้กล่าวว่าหลังจากนี้ ในฐานะที่ตัวเองเป็นหัวหน้าหน่วยและรับผิดชอบในส่วนงานโดยตรงก็กำลังผลักดันเพื่อสร้างชายหาดที่ยั่งยืน เช่น การผลักดันให้ทะเลไทยเป็น Blue Economy ที่ไม่ใช่เป็นทะเลที่สร้างรายได้ แต่ต้องเป็น Green Economy ที่ทำให้ทะเลไทยยั่งยืนด้วย

ส่วนที่สองคือการผลักดันองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในประเด็นของ Nature Base Solutions ให้ลึกลงไปตั้งแต่ระดับการศึกษา เพราะอธิบดีบอกว่าวันนี้ได้มีโอกาสไปดูหลักสูตรต่าง ๆ ก็เห็นข้อจำกัดที่ลดลงหรือแทบไม่มีข้อจำกัดเลย อย่างการเรียนข้ามคณะข้ามสาขา ให้ส่วนของวิศวะสามารถลงเรียนวิชาทางวิทยาศาสตร์ด้วย "เพราะถ้าหากมองเห็นว่าปัญหาของชายหาดมันเป็นพลวัตร ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเชิงเดี่ยว" ก็จะทำให้เราเห็นวิธีการจัดการปัญหาได้ดีขึ้น จัดการปัญหาแบบชั่วคราว/ชั่วโคตรได้ง่ายขึ้นในทางนโยบาย

หรืออีกมิติที่สำคัญคือมิติทางกฎหมายที่ต้องจัดการแก้ไขกันต่อ ยกตัวอย่างเช่น ที่ดินที่ตกน้ำไปแล้วจะทำอย่างไร หรือถ้าเกิดสามารถฟื้นฟูที่ดินบางส่วนกลับมาได้แล้ว จะบริหารพื้นที่ตรงนี้ต่ออย่างไร "เป็นไปได้ไหมจะเปิดโอกาสให้เกิดการสัมปทาน หรือให้เอกชนเข้ามาดูแลจัดการโดยไม่ลดประโยชน์การใช้ของสาธารณะออกไป" อธิบดีฯ ยกตัวอย่างจากพื้นที่ชายหาดหน้าโรงแรมของเอกชน ก็จะเห็นว่าเอกชนดูแลจัดการในพื้นที่ในส่วนนั้นได้ดีกว่าภาครัฐเสียอีก หรืออีกปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่คือเรื่องของภาษีที่ดิน ที่ตีความป่าชายเลนเป็นพื้นที่รกร้าง ในส่วนนี้จะเอาอย่างไร เพราะพื้นที่ป่าชายเลนเป็นที่เก็บน้ำ หากเรารุกป่าชายเลน ชายหาดก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

ข้อถกเถียงต่อปัญหาการกัดเซาะชายหาดถูกพูดถึงมากขึ้นในรอบทศวรรษที่ผ่านมา เพราะสิ่งที่ชี้ชัดที่สุดคือจำนวนชายหาดของเราลดลง ในขณะที่งบประมาณการจัดการการกัดเซาะเพิ่มขึ้นมาตลอดสิบปี เราเห็นชายหาดชะอำกลายเป็นขั้นบันไดคอนกรีต เห็นหาดชายปราณบุรี กลายเป็นกำแพงยาวมากกว่า 5 กิโลเมตร หรือหาดมหาราชที่จังหวัดสงขลาที่เกิดการกัดเซาะเพียงแค่ร่องน้ำปล่อยน้ำทิ้ง

แต่รัฐเลือกใช้วิธีแก้แบบวางโครงสร้างทางวิศวกรรมแบบถาวร สิ่งเหล่านี้ อาจารย์สมปรารถนากล่าวด้วยความเจ็บปวดว่า "ความฉิบหายเหล่านี้ก็เกิดขึ้นจากเพื่อนร่วมอาชีพของดิฉัน ข่าวร้ายคือคนเหล่านี้ได้เติบโตเป็นใหญ่เป็นโตและมีอำนาจ ข่าวดีคืออีกไม่นานก็จะตายจากกันหมดแล้ว" ในวันนั้นชายหาดไทยอาจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นก็ได้

กรณีที่เห็นชัดที่สุดคือกรณีของปากน้ำนาทับ จังหวัดสงขลา ที่สันทรายเคลื่อนตัวปิดบล็อกทางเข้าออกของเรือประมงชายฝั่ง แต่ในปี 2544 รัฐใช้วิธีสร้างรอดักทรายเพื่อป้องกันการปิดตัวของสันทรายหน้าปากน้ำ แต่ผลกระทบที่ตามมาคือเกิดการกัดเซาะขึ้นไปทางเหนือของรอดักทรายเพียง 800 เมตร ซึ่งนั่นหมายความว่ารัฐสามารถที่จะจำกัดขอบเขตพื้นที่และฟื้นฟูบริเวณของการกัดเซาะเพียงแค่ 800 เมตร แต่สิ่งที่รัฐเลือกกลับไม่ใช่เพียงแค่การป้องกันแค่ 800 เมตรนี้ ซึ่งอาจารย์สมปรารถนาชวนชี้ให้เราเห็นว่า ผลพวงจากการแก้ปัญหาการกัดเซาะด้วยกำแพงกันคลื่นเพื่อป้องกันการกัดเซาะแค่ 800 เมตร วันนี้กลับทำให้ชายหาดนาทับถึงตำบลบ่ออิฐ จังหวัดสงขลาเกือบ 10 กิโลเมตร ต้องเต็มไปด้วยกำแพงกันคลื่น เพราะการแก้ไขด้วยวิธีนี้จะทำให้เกิดการกัดเซาะออกไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ


สิ่งที่อาจารย์สมปรารถนาเสนอในวงเสวนาว่า ขอให้ตัวเลข 535 เป็นตัวเลขที่พาชายหาดไทยกลับมาอยู่จุดที่ดีอีกครั้ง ซึ่งอาจารย์เสนอ 5 เลิก 3 รื้อ และ 5 เริ่ม


5 เลิก

- เลิก รื้อหลังคาทั้งหลังเพราะกระเบื้องแผ่นเดียว คือเสนอให้รัฐเลือกสร้าง/ซ่อม เฉพาะส่วนที่จำเป็น ตรงไหนกัดเซาะก็แก้เฉพาะส่วนนั้น

- เลิก ถามหา One Solution Fits to All เพราะชายหาดต่างกัน พลวัตรแต่ละที่ก็ต่างกัน

- เลิก ใช้โครงสร้างแบบชั่วโคตร กับการกัดเซาะแบบชั่วคราว

- เลิก สร้างโครงสร้างป้องกันออกไปเรื่อย ๆ

- เลิก สร้างวาทกรรมการมีส่วนร่วมแบบพอเป็นพิธี


3 รื้อ

- รื้อ นิยามแนวชายฝั่งและการกัดเซาะชายฝั่งให้ชัดเจน เป็นที่เข้าใจที่ตรงกันของทุกงานที่มีส่วนรับผิดชอบ

- รื้อ โครงสร้างริมชายฝั่งที่ไม่จำเป็นออกทั้งหมด

- รื้อ ระบบการจัดสรรงบประมาณ และกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นคนดูแลจัดการ


5 เริ่ม

- เริ่ม กำหนดให้มีมาตรการถ่ายเททรายข้ามร่องน้ำ สำหรับร่องน้ำที่มีการสร้างเขื่อนกันทราย เพื่อลดการกัดเซาะตามปากแม่น้ำ

- เริ่ม กำหนดระยะถอยร่นชายฝั่งทะเลอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ชายหาดโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ

- เริ่ม แนวทางการบรรเทาทุกข์กรณีเร่งด่วนแบบชั่วคราว รื้อถอนออกเมื่อควรแก่เวลา วิธีนี้จะได้ไม่ต้องใช้โครงสร้างที่ชั่วโคตร

- เริ่ม พิจารณามาตรการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งจากการปรับใช้โครงสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นลำดับแรก

- เริ่ม ปรับแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะ ทั้งเชิงวิทยาศาสตร์และรัฐศาสตร์ (Coastal erosion framework) ซึ่งอาจารย์มองถึงปลายทางของพระราชบัญญัติป้องกันการกัดเซาะชายหาดที่เราจำเป็นต้องมี


อาจารย์สมปรารถนาชี้ว่าแม้ก่อนหน้านี้เราจะบอกว่าวิธีแบบนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐที่อ้างข้อจำกัดแบบเดิม ๆ แม้องค์ความรู้ก่อนนี้นั้นเป็นอย่างที่อธิบดีปิ่นสักก์พูด แต่วันนี้เราเห็นแล้วว่ามันมีวิธีที่ดีกว่าในการแก้ไขปัญหา ถ้าหากผู้มีอำนาจ ผู้มีส่วนรับผิดชอบ "จะรับพิจารณาแนวทางเหล่านี้เอาไปปรับใช้ได้บ้างก็จะเป็นประโยชน์ต่อชายหาดไทย ไม่ใช่ดิฉัน"


https://decode.plus/20240106-breakwa...aters-thailand

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:34


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger