![]() |
|
|||||||
![]() |
|
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
จีนเตือนภัยคลื่นความเย็นระดับสีส้ม อุณหภูมิดิ่ง ลบ 52.3 องศาฯ เย็นสุดในรอบ 6 ทศวรรษ ![]() จีนประกาศเตือนภัย "สีส้ม" ให้ประชาชนรับมือกับคลื่นความเย็นที่กำลังแผ่ปกคลุมในหลายภูมิภาคทางตอนใต้ของประเทศ และหลายพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งอุณหภูมิลดลงไปแตะ ลบ 52.3 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2567 ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีน ประกาศเตือนภัยสภาพอากาศจากคลื่นความเย็น ระดับสีส้ม ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสองในระบบเตือนภัยสภาพอากาศแบบแบ่ง 4 ระดับของประเทศ ในหลายภูมิภาคทางตอนใต้ของจีน พร้อมคาดการณ์อุณหภูมิลดลงอย่างมาก โดยสื่อท้องถิ่นของจีนรายงานว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของจีนตอนใต้จะมีอุณหภูมิลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ไปจนถึงวันศุกร์ (23 ก.พ.) โดยอุณหภูมิเฉลี่ยรายวันหรืออุณหภูมิต่ำสุดจะลดลง 8-12 องศาเซลเซียส ขณะบางส่วนของเมืองกุ้ยโจว หูหนาน และกว่างซี จะมีอุณหภูมิลดลงถึง 20 องศาเซลเซียสหรือมากกว่า รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนในภูมิภาคซินเจียง กำลังเผชิญกับความหนาวเย็นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นฤดูหนาวที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 6 ทศวรรษ อุณหภูมิดิ่งลงถึง ลบ 52.3 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติหนาวเย็นที่สุดในรอบ 64 ปี โดยอุณหภูมิที่ดิ่งลงอย่างรวดเร็วเป็นส่วนหนึ่งของ ปรากฏการณ์สภาพอากาศที่ผิดปกติ และการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพภูมิอากาศโลก. https://www.thairath.co.th/news/foreign/2764896
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
น่ายินดี! ลูกแม่ลำปี ลูกเต่ามะเฟืองชุดแรกคลานลงทะเลแล้วอย่างปลอดภัย พังงา - ลูกเต่ามะเฟืองซึ่งเป็นลูกขอแม่ลำปี ที่ขึ้นมาวางไข่ในเขตพื้นที่อุทยานเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ออกจากไข่คลานลงทะเลแล้ว ![]() เมื่อคืนที่ผ่านมา (20 ก.พ.) ที่ชายหาดของที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายปรารพ แปลงงาน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่อุทยาน นักท่องเที่ยวและประชาชนร่วมกันปล่อยลูกเต่ามะเฟือง จำนวน 18 ตัว ที่ฟักจากรังของแม่ลำปีออกมาแล้ว จำนวน 21 ตัว ลงสู่ท้องทะเล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมปล่อยลูกเต่าชุดแรกลงทะเล ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกเต่าได้หวนคืนท้องทะเลใช้ชีวิตตามธรรมชาติ เติบโต และขยายพันธุ์ต่อไป โดย "แม่ลำปี" แม่เต่ามะเฟืองได้ขึ้นมาวางไข่ในเขตพื้นที่อุทยานเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการย้ายไข่เต่ามะเฟืองไปเพาะฟักในจุดที่เป็นแนวที่อยู่พ้นจากน้ำทะเลขึ้นสูงสุดเพื่อให้ไข่เต่าได้มีโอกาสฟักตัวตามธรรมชาติและง่ายต่อการดูแล จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 20 ก.พ.67 ลูกเต่ามะเฟืองชุดแรกได้ทยอยขึ้นจากหลุมและเริ่มคลานลงทะเลในเวลาประมาณ 07.20 น. แต่ทางเจ้าหน้าที่อุทยานเกรงว่าจะมีนกออกหากิน ประกอบกับด้านหน้าชายหาดเป็นแนวปะการังที่อาจมีฝูงปลาชุกชุม ซึ่งจะทำให้ลูกเต่าที่เพิ่งฟักออกจากหลุมใหม่ๆ ยังเป็นตัวอ่อนอยู่จะกลายเป็นอาหารของผู้ล่าได้ ทางอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จึงนำลูกเต่าไปอนุบาลไว้ในอ่างที่บุด้วยผ้า ก่อนที่จะทำการปล่อยลงสู่ทะเลในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ซึ่งคาดว่าลูกเต่ามะเฟืองที่เหลือจะฟักและคลานขึ้นจากหลุมเพิ่มเติมต่อไป https://mgronline.com/south/detail/9670000015769
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
โลกร้อนวาฬเกยตื้นในอ่าวญี่ปุ่นมากขึ้น? ![]() วาฬที่ตายแล้วลอยอยู่ในอ่าวโอซากา ทางตะวันตกของญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 (เกียวโด) เกียว?โด?นิวส์? (21? ก.พ.)? พบวาฬจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เกยตื้นในอ่าวทางตะวันตกของญี่ปุ่น? ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลมีแนวโน้มมากขึ้น?ที่จะหลงเข้ามาในพื้นที่นี้เมื่อภาวะโลกร้อนดำเนินไป เมื่อวันจันทร์ พบซากวาฬสเปิร์มยาว 13-?14 เมตร และหนัก 25-?30 ตันในอ่าวโอซากา การค้นพบนี้เกิดขึ้นถัดจากรายงานการพบเห็นวาฬเกยตื้นในอ่าวนอกเมืองโกเบ ในจังหวัดเฮียวโงะ เมื่อสัปดาห์ก่อน ในเดือนมกราคมปีที่แล้ว วาฬสเปิร์มตัวหนึ่งเสียชีวิตหลังจากเกยตื้นใกล้ปากแม่น้ำโยโดะในโอซากา วาฬยาว 15 เมตรตัวนี้ที่สื่อโซเชียลเรียกกันติดๆ ว่าโยโดะจัง เสียชีวิตนอกคาบสมุทรคิอิทางตอนใต้ของอ่าวโอซากาในเวลาต่อมา ตามรายงานของสำนักงานท่าเรือท้องถิ่น วาฬทุกตัวที่หลงเข้าไปในอ่าวได้ตายไปแล้วหลังจากไม่สามารถกลับลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกได้ แม้ว่าเสียงโลหะสามารถใช้เพื่อไล่ล่าปลาวาฬได้ แต่มีความเสี่ยงที่จะทำให้พวกมันยิ่งปั่นป่วน? จึงเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ไม่เหมาะสม "สิ่งเดียวที่เราทำได้คือจะกำจัดซากอย่างไร" เจ้าหน้าที่สำนักงานกล่าว ยาสุโนบุ นาเบชิมะ ประธานชมรมชุมชนพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติโอซากา กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของวาฬที่หลงเข้าไปในอ่าวโอซากาเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ซึ่งทำให้ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและอ่าวลดลง ความแตกต่างถูกลดทอนลงอีกโดยการพัฒนากระแสน้ำวนอุณหภูมิต่ำในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดจากการคดเคี้ยวขนาดใหญ่ของกระแสน้ำคุโรชิโอะ ซึ่งเริ่มต้นจากฟิลิปปินส์และไหลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือผ่านญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2560 นาเบชิมะกล่าว พร้อมเสริมว่าสิ่งนี้ยังได้ทำให้โลมาและเต่าทะเลเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ โครงสร้างของอ่าวโอซากายังมีผลให้วาฬว่ายเข้าได้ง่าย โดยชายฝั่งของเมืองโอซากาและซาไกประกอบด้วยร่องทางน้ำที่ซับซ้อนมากมาย แม้ว่าท่าเรือโกเบ ซึ่งวาฬตัวล่าสุดถูกพบเห็นเกยตื้นครั้งแรกนั้นมีโครงสร้างที่เรียบง่าย แต่ท่าเรือซาไก-เซ็มโบกุ ที่พบซากวาฬเมื่อวันจันทร์ กลับเป็นทางตัน วาฬใช้คลื่นเสียงในการนำทาง และอ่าวโอซากาก็กลายเป็น "สถานที่ที่พวกมันไม่สามารถหลบหนีไปได้เมื่อเข้าไปแล้ว" นาเบชิมะกล่าว "หน่วยงานท้องถิ่นควรร่วมมือกับสถาบันวิจัยเพื่อดำเนินการสำรวจระบบนิเวศและแสวงหามาตรการที่มีประสิทธิภาพ" เขากล่าวเสริม https://mgronline.com/japan/detail/9670000015849
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
'สวนป่าชุ่มน้ำบางกอก' ทวงคืนสมดุลธรรมชาติให้เมือง ![]() เมืองใหญ่ที่เติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินด้วยน้ำมือมนุษย์ ทำให้พื้นที่ธรรมชาติที่อยู่ในเมืองหายไป โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำของกรุงเทพฯ หลงเหลืออยู่น้อยมาก ทั้งที่เป็นส่วนประกอบสำคัญรักษาธรรมชาติให้สมดุล นอกจากประโยชน์ที่คนเมืองได้รับในด้านความสวยงาม การฟอกอากาศ ลดฝุ่นพิษ PM2.5 และการเป็นแก้มลิงธรรมชาติช่วยรับน้ำเมื่อเกิดฝนตกหนัก บรรเทาน้ำท่วมแล้ว ยังมีสัตว์นานาชนิดได้อาศัยพื้นที่สีเขียวนี้เป็นแหล่งพักพิงหลีกหนีจากป่าคอนกรีต ปัจจุบันมีหลายภาคส่วนพยายามทวงคืนพื้นที่ชุ่มน้ำในกรุงเทพฯ กลับมา อย่างที่หลายประเทศเร่งรักษาพื้นที่ธรรมชาติดั้งเดิมในเมือง พร้อมทั้งสื่อสารทำความเข้าใจความเป็นธรรมชาติกับคนเมืองและชุมชนต่างๆ เพื่อให้เกิดความรักและหวงแหนพื้นที่ ไม่บุกรุกทำลายธรรมชาติ เพราะกรุงเทพฯ ที่เดิมเรียกว่า "บางกอก" นั้น มีที่มาจากชื่อต้นมะกอกน้ำที่เคยมีในกรุงเทพฯ มากมาย แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นสิ่งที่หายากในมหานครแห่งนี้ ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ อย่างเขตบึงกุ่ม มีโครงการฟื้นฟูและพัฒนา?สวนป่าชุ่มน้ำบางกอก?ผ่านการออกแบบพื้นที่อย่างมีส่วนร่วม หวังว่าจะช่วยส่งเสริมให้เกิดแนวทางที่เหมาะสมในการดูแลพื้นที่สีเขียวที่ครอบคลุมเหล่าผู้อาศัยทั้งประชากรมนุษย์และประชากรสัตว์ที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน รวมถึงคงความเป็นนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำไว้ได้ โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานครและชุมชนในพื้นที่ สำหรับสวนป่าชุ่มน้ำบางกอก พิกัดท้ายซอยเสรีไทย 29 เขตบึงกุ่ม มีพื้นที่ 86 ไร่ เป็นพื้นที่สวนหนึ่งภายในสวนเสรีไทย ลักษณะโดยรวมเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำธรรมชาติ เดิมเรียกว่า ?คลองลำบึงกุ่ม? เป็นโครงการแก้มลิงตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร กรุงเทพมหานคร ใช้ประโยชน์เป็นพื้นที่สำหรับรองรับน้ำ ป้องกันน้ำท่วม ด้านฝั่งกรุงเทพตะวันออก สวนป่าชุ่มน้ำแห่งนี้มีความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้พื้นถิ่น สิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ ล้อมรอบด้วยชุมชนที่ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำเพื่อการดำรงชีวิต อีกทั้งยังเชื่อมโยงกับสวนสาธารณะของ กทม. จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ สวนเสรีไทย และสวนนวมินทร์ภิรมย์ ต่อมาได้รับการพัฒนาเป็นสวนสาธารณะสำหรับให้คนเมืองเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ ก่อนที่จะมีไอเดียจัดทำโครงการสวนป่าชุ่มน้ำบางกอก โดยมีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและการตั้งวางสิ่งของรุกล้ำทางสาธารณประโยชน์ บริเวณสวนป่าชุ่มน้ำบางกอก เพื่อขอคืนพื้นที่และพัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เป็นสถานที่ออกกำลังกายและปอดแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ คนเมือง โดยเฉพาะชาวบึงกุ่มและคันนายาวได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ความคืบหน้าล่าสุด จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่สำรวจติดตามการดำเนินงานโครงการสวนป่าชุ่มน้ำบางกอกและการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำพื้นที่สาธารณะบริเวณซอยเสรีไทย 29 เขตบึงกุ่ม โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา และสำนักงานเขตบึงกุ่ม ร่วมดำเนินการ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา สวนป่าชุ่มน้ำแห่งนี้มีบึงขนาดใหญ่ปัจจุบันกำลังทำทางเดินโดยรอบระยะทางประมาณ 3,850 เมตร รวมถึงการจัดทำทางเดิน-วิ่งออกกำลังกายที่เหมาะสมฝั่งหมู่บ้านทวีสุข-นาริสา ความยาว 450 เมตร ดำเนินการปูผิวทางแอสฟัลต์ ส่วนฝั่งหมู่บ้านศรีนครพัฒนา ความยาว 3,400 เมตร สร้างพื้นทางหินคลุก เตรียมปูผิวทางแอสฟัลต์ ก่อสร้างทางเดินริมน้ำพร้อมราวกันตก ความยาว 420 เมตร ความกว้าง 2.50 เมตร ตอกเสาเข็มไม้กันดินพัง ความยาว 2,697 เมตร ภายในพื้นที่ยังจัดทำสวน 15 นาที บริเวณด้านหน้าทางเข้าสวนป่าชุ่มน้ำบางกอกฝั่งหมู่บ้านทวีสุข-นาริสา ปรับปรุงภูมิทัศน์ฝั่งหมู่บ้านทวีสุข-นาริสา ตัดแต่งไม้ยืนต้น ขุดตอไม้ที่แห้งตาย ปลูกไม้คลุมดินริมตลิ่ง เติมดินผสมปุ๋ยบำรุงต้นไม้ให้เติบโตงอกงาม ปลูกไม้พุ่มเพิ่มเติมเพิ่มสีเขียว ส่วนฝั่งหมู่บ้านศรีนครพัฒนา ตัดแต่งไม้ยืนต้น ขุดตอไม้ที่แห้งตาย ปรับปรุงรั้วและทำประตูทางเข้า-ออก ติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่างเพื่อความปลอดภัยในการเข้ามาใช้บริการสวนสาธารณะ มีเสาไฟฟ้า 90 ต้น แหล่งจ่ายไฟฟ้า 5 ตู้ ตู้จ่ายไฟเครื่องเติมอากาศ 6 ตู้ ติดตั้งเครื่องเติมอากาศในบึงน้ำ 14 เครื่อง เพื่อควบคุมคุณภาพน้ำให้สะอาด ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์สำหรับจัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ ติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าและประปา ที่ขาดไม่ได้เลยมีการติดตั้งสุขาสำเร็จรูป จ้างพนักงานรักษาความปลอดภัย 14 นาย ทำไม้กั้นปิดทางเข้า-ออก บริเวณอาคารของสำนักการระบายน้ำ ตั้งวางแบริเออร์บริเวณจุดที่ท้ายซอยเชื่อมกับพื้นที่สวนทั้ง 5 จุด จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการความร่วมมือดำเนินงานตามแผนงานที่กำหนดไว้ ที่ผ่านมา เขตฯ ได้ลงพื้นที่พูดคุยสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สวน ไม่ให้นำวัสดุอุปกรณ์ออกมาตั้งวางนอกบ้าน ไม่ให้นำรถเข้ามาในพื้นที่สวน จัดเก็บขยะใบไม้แห้งที่ลอยอยู่ในบึง รวมถึงเคลื่อนย้ายซากยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้ในพื้นที่สวน สำนักการโยธาจัดทำทางเดิน-วิ่งออกกำลังกายรอบบึง สำนักการระบายน้ำปักเสาเข็มไม้ทำแนวป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่ง สำนักสิ่งแวดล้อมคัดเลือกพันธุ์ไม้ชนิดไม้ยืนต้นและไม้คลุมดิน เพื่อให้เป็นไปตามลักษณะทางกายภาพของสวนป่าชุ่มน้ำ และยังคงรักษาระบบนิเวศเดิมตามธรรมชาติ สำหรับการทำทางเดินรอบบึงมีบางจุดที่เป็นพื้นที่เอกชน รองผู้ว่าฯ ระบุหากต้องเลี่ยงโดยการทำสะพานลัดข้ามผ่านบึงจะใช้งบประมาณจำนวนมาก ที่ผ่านมา ให้สำนักงานเขตบึงกุ่มประสานกับเจ้าของที่เพื่อขอใช้ทำเส้นทางเดินให้ต่อเนื่องบรรจบครบรอบบึง รวมถึงทางเข้าสวนที่สามารถเข้าได้จากหลายทิศหลายทางจะทำเส้นทางเข้าให้เรียบร้อย และจุดไหนที่เป็นของเอกชนก็เร่งประสานขอความร่วมมือ " ด้วยศักยภาพของพื้นที่คลองลำบึงกุ่ม ประกอบกับทำเลที่ตั้งสามารถเชื่อมโยงกับสวนสาธารณะที่มีอยู่เดิม ยกระดับให้กลายเป็นสวนสาธารณะระดับย่าน (District Park) ผ่านโครงการสวนป่าชุ่มน้ำบางกอก Bangkok Wetland Forest (BWF) เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของระบบนิเวศ รวมทั้งยังเกื้อหนุนการดำรงชีวิตของชุมชน เป็นแหล่งเก็บกักน้ำ ป้องกันน้ำท่วม ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ โดยจะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนเมษายน 2567 นี้ " จักกพันธุ์ให้ภาพสวนสาธารณะขนาดใหญ่นี้ ในทัศนะ พรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสวนป่าชุ่มน้ำบางกอกไว้ว่า สวนป่าแห่งนี้มีความท้าทายหลายอย่างในการพัฒนา แต่ก็มีศักยภาพมากมายที่จะทำให้กลายเป็นสวนคุณภาพของชาวบึงกุ่ม คันนายาว และชาวกรุง สัมผัสได้เลยว่า เมื่อเดินเข้ามาอุณหภูมิลดลงจากภายนอกอย่างชัดเจน อีกทั้งสวนยังเชื่อมต่อยาวไปถึงสวนเสรีไทย อีกด้านติดกับสวนนวมินทร์ภิรมย์ ทั้งพื้นที่และทัศนียภาพงดงามไม่แพ้สวนใหญ่ๆ ในกรุงเทพมหานคร สวนป่าชุ่มน้ำบางกอกเป็นอีกโมเดลฟื้นฟูเมืองต้องกลับมาฟื้นฟูธรรมชาติ ยังมีพื้นที่ธรรมชาติในเมืองที่รอการดูแลอีกมาก https://www.thaipost.net/news-update/536699/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#5
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก อสมท.
นักวิชาการยัน "กั้งหางแดง" กินได้ ![]() ชลบุรี 21 ก.พ. ? พบกั้งหางแดงจำนวนมากแถวตลาดประมงอ่างศิลา นักวิชาการยืนยันกินได้ ไม่เป็นอันตราย อยู่ในตระกูล กุ้ง กั้ง ปู โลกโซเชียลแชร์ตัว Monster หน้าตาคล้ายกุ้ง กั้ง มีก้ามเหมือนปู พร้อมตั้งคำถามว่ากินได้หรือไม่ แต่ก็มีคนนำไปกินแล้ว ซึ่งมีคนช้อนได้บริเวณใกล้เคียงกับตลาดประมงอ่างศิลา ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี ขณะที่ชาวประมงบอกว่ามันคือตัว แม่หอบอ่อน หรือชาวบ้านเรียกกันว่า กั้งหางแดง ในประเทศไทยมีมากกว่า 20 ชนิด ส่วนที่ร้านขายของฝากอาหารแห้ง ตลาดอ่างศิลาเผยว่า เมื่อวานมีคนมาช้อนอยู่ริมชายฝั่งได้จำนวนมาก แต่ก็มาแป๊บเดียวแล้วก็หายไป ส่วนใครที่อยากจะซื้อไปกินตอนนี้ยังไม่มีมีขาย อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อขายตกตัวละ 2 บาท สามารถนำไปรับประทานได้ หรือใช้เป็นเหยื่อตกปลาก็ได้ จากการสอบถามนักวิจัยสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลมหาวิทยาลัยบรูพา บอกว่า Monster สามารถรับประทานได้ ไม่เป็นอันตราย อยู่ในตระกูลกุ้ง กั้ง ปู. https://tna.mcot.net/region-1323827
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#6
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
รู้ไหมว่าเดือนกุมภาพันธ์อากาศร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยเก็บสถิติ! ![]() SHORT CUT - เดือนกุมภาพันธ์ที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ 8 วันแรกของเดือนก็ร้อนเกินค่าเฉลี่ยไปแล้ว - สถานีตรวจอากาศ 12 แห่งในโมร็อกโกมีอุณหภูมิสูงกว่า 33.9 องศาเซลเซียส เป็นฤดูหนาวที่ร้อนที่สุด - ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเดือนมีนาคมจะทำลายสถิติของเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว นักอุตุนิยมวิทยาเผยว่าเดือนกุมภาพันธ์กำลังจะทำลายสถิติความร้อน เนื่องจากความร้อนของโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นประกอบกับปรากฎการณ์ธรรมชาติเอลนีโญ ทำให้อุณหภูมิบนพื้นดินและมหาสมุทรทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น เดือนกุมภาพันธ์เดือนที่สั้นที่สุดของปี และยังเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดโดยอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างเห็นได้เด่นชัดมาก โดยเฉพาะอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่กำลังร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง กุมภาพันธ์นอกจากจะเป็นแห่งความรักแล้ว ยังเป็นเดือนแห่งความร้อนด้วย ตามรายงานของ Zeke Hausfather นักวิทยาศาสตร์จาก Berkeley Earth เผยว่า มนุษยชาติกำลังสัมผัสกับเดือนกุมภาพันธ์ที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ หลังจากสถิติในเดือนมกราคม ธันวาคม พฤศจิกายน ตุลาคม กันยายน สิงหาคม กรกฎาคม มิถุนายน และพฤษภาคม ที่ผ่านมาได้ทุบสถิติมาตลอด แต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยเก็บสถิติ โดยเพียง 8 วันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ก็ร้อนเกินค่าเฉลี่ยไปแล้ว พฤติกรรมของสภาพอากาศมีความไม่แน่นอนมากขึ้นและคาดการณ์ได้ยากขึ้น เดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 เป็นตัวเต็งที่มีโอกาสเอาจะชนะสถิติก่อนหน้านี้ซึ่งเกิดในปี 2016 แต่นั่นอาจยังไม่ใช่ข้อสรุป เนื่องจากแบบจำลองสภาพอากาศเผยให้เห็นว่าอุณหภูมิโลกจะลดลงในสัปดาห์หน้า และหากยังมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ในอัตราที่ไม่ลดลงเลย นั่นอาจทำให้สิ่งที่คาดไว้เป็นจริง ?ดาวเคราะห์กำลังร้อนขึ้นในอัตราเร่ง เรากำลังเห็นอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในมหาสมุทร ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในสภาพอากาศ? ดร. โจเอล เฮิร์สชี หัวหน้าฝ่ายการสร้างแบบจำลองระบบทางทะเลของศูนย์สมุทรศาสตร์แห่งชาติแห่งสหราชอาณาจักร กล่าว อุณหภูมิสูงขึ้นหลายพื้นที่ทั่วโลก ครึ่งแรกเดือนแรกของเดือนกุมภาพันธ์ทำให้นักดูสภาพอากาศตกใจมาก เพราะบันทึกความร้อนของสถานีอุตุนิยมวิทยาหลายพันแห่งเผยว่า ประวัติศาสตร์ภูมิอากาศถูกเขียนใหม่แทบทุกวัน สิ่งที่ทำให้นักวิจัยประหลาดใจไม่ใช่แค่จำนวนบันทึกเท่านั้น แต่ยังมีขอบเขตที่บันทึกหลายรายการที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วย สถานีตรวจอากาศ 12 แห่งในโมร็อกโกมีอุณหภูมิสูงกว่า 33.9 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสถิติระดับชาติสำหรับช่วงฤดูหนาวที่ร้อนที่สุดเท่านั้น แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมากกว่าถึง 5 องศาเซลเซียสอีกด้วย ส่วนเมืองฮาร์บินทางตอนเหนือของจีนต้องปิดเทศกาลน้ำแข็งฤดูหนาว เนื่องจากอุณหภูมิพุ่งสูงกว่าจุดเยือกแข็งเป็นเวลา 3 วันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เดือนมีนาคมจะร้อนทำลายสถิติหรือเปล่า? ช่วงครึ่งแรกของเดือนกุมภาพันธ์ 140 ประเทศ ได้ทำลายสถิติความร้อนประจำเดือนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักสังเกตการณ์สภาพภูมิอากาศเผยว่าความร้อนที่พื้นผิวมหาสมุทรมีการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มโอกาสที่จะเกิดพายุรุนแรงในปลายปีนี้ ไมเคิล โลว์รี ผู้เชี่ยวชาญพายุเฮอริเคนกล่าวว่าอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลทั่วภูมิภาคหลักในมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งพายุเฮอริเคนระดับ 3 ของสหรัฐฯ ก่อตัวขึ้น ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเดือนมีนาคมจะทำลายสถิติของเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว 0.1-0.2 องศาเซลเซียส ซึ่งโดยปกติแล้วเดือนมีนาคมจะเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของปีสำหรับมหาสมุทร เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูร้อนในซีกโลกใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของทะเลอันยิ่งใหญ่ส่วนใหญ่ของโลก ที่มา : The Guardian / Wio News https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/848043
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#7
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
หมีขั้วโลก อาจต้องเจอกับความเสี่ยงสูญพันธุ์จากภาวะอดอยาก เพราะโลกร้อน ![]() SHORT CUT - โลกร้อนคือปัญหาใหญ่ที่คุกคามคนทั้งโลก และสัตว์ต่างๆก็ได้รับผลกระทบด้วย เช่นเดียวกับหมีขั้วโลก ที่ปริมาณลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ - หมีขั้วโลก ต้องเผชิญหน้ากับภาวะขาดแคลนอาหาร เนื่องจากน้ำแข็งทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือกำลังละลาย - หมีขั้วโลก ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับอาหารเพื่อดำรงชีพบนพื้นแผ่นดินได้ และหมีขั้วโลก ลดลงราวๆ 30 % นับตั้งแต่ปี 1987 หมีขั้วโลก อาจต้องเจอกับความเสี่ยงสูญพันธุ์จากภาวะอดอยาก เพราะน้ำแข็งขั้วโลกละลายจากภาวะโลกร้อน เนื่องจากน้ำแข็งทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือกำลังละลาย และพวกมันไม่สามารถปรับตัวเข้ากับอาหารเพื่อดำรงชีพบนพื้นแผ่นดินได้ เรื่องโลกร้อนถือเป็นปัญหาใหญ่ของโลก และมีผลกระทบในทุกทาง มีผลเอฟเฟกต์กับทั้งมนุษย์และสัตว์โลก รวมถึง ตอนนี้ เริ่มมีงานวิจัย ระบุว่า หมีขั้วโลก หรือ Polar bears บางส่วนกำลังเผชิญหน้ากับภาวะขาดแคลนอาหาร เนื่องจากน้ำแข็งทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือกำลังละลาย และพวกมันไม่สามารถปรับตัวเข้ากับอาหารเพื่อดำรงชีพบนพื้นแผ่นดินได้ ทั้งนี้ งานศึกษา ที่ทำการศึกษาในรัฐแมนิโทบาตะวันตก ของแคนาดา และ ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ คอมมิวนิเคชันส์ พบข้อมูลว่า หมีขั้วโลก ที่อยู่บริเวณทางตะวันตกของอ่าวฮัดสัน ในแคนาดา มีน้ำหนักลดลงเมื่อใช้เวลาบนพื้นดินมากขึ้น เนื่องจากผืนน้ำแข็งทะเลละลาย โดย กลุ่มนักวิจัย เฝ้าติดตามพฤติกรรมของหมีขั้วโลกจำนวน 20 ตัว โดยมีการติดกล้อง และ จีพีเอส ติดตามตัว เป็นเวลาหลายเดือนในช่วงฤดูร้อน และ ทำการศึกษาพฤติกรรมของหมีขั้วโลก ในช่วงเวลาที่ปราศจากน้ำแข็งในพื้นที่นี้ได้ขยายยาวนานขึ้นราวสามสัปดาห์ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณธนี้ เกิดขึ้น ระหว่างปี 1979 ถึงปี 2015 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ในระหว่างการทำการวิจัย จะมีการตรวจตัวอย่างเลือดและชั่งน้ำหนักหมีขั้วโลกเหล่านี้แล้วด้วย ทีมวิจัยยังสวมปลอกคอที่ติดตั้งกล้องเพื่อบันทึกวิดีโอและอุปกรณ์ระบุพิกัด เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว กิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งสิ่งที่พวกมันกิน ในช่วงฤดูร้อนที่ปราศจากน้ำแข็ง หมีขั้วโลกเหล่านี้ปรับวิธีการเอาตัวรอด หมีบางตัวเน้นไปที่การพักผ่อนและลดอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย หมีขั้วโลกกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่พยายามหาอาหารจากพืช ผลไม้ตระกูลเบอร์รี หรือ ลอยว่ายน้ำหาสิ่งที่พวกมันจะพอกินได้ แต่ในทางกลับกัน วิธีการทั้งสองแบบกลับล้มเหลว โดย หมีขั้วโลก 19 จาก 20 ตัว ที่นักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาพบว่า สูญเสียกล้ามเนื้อ ในบางกรณี พบว่าการสูญเสียกล้ามเนื้อสูงถึง 11% และอีกตัวเลขหนึ่งที่น่าตกใจคือ โดยเฉลี่ยแล้ว พวกหมีขั้วโลกน้ำหนักลดลงวันละ 1 กิโลกรัม อีกข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยวกับหมีขั้วโลกนั้น , ปัจจุบัน มีหมีขั้วโลกเหลือราวๆ 26,000 ตัว โดยส่วนใหญ่พวกมันอาศัยอยู่ในประเทศแคนาดา นอกจากนี้ยังพบประชากรหมีขั้วโลกส่วนหนึ่งในสหรัฐฯ, รัสเซีย, กรีนแลนด์ และนอร์เวย์ และในบริเวณ อ่าวฮัดสัน ในแคนาดา ที่ทำการวิจัยนี้ ตัวเลขของหมีขั้วโลก ลดลงราวๆ 30 % นับตั้งแต่ปี 1987 หมีขั้วโลกถูกจัดอยู่ในสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) โดยสภาวะสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมีผลกระทบต่อจำนวนประชากรที่ลดลงของพวกมัน ที่มา reuters https://www.springnews.co.th/keep-the-world/848052
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|