![]() |
|
|||||||
![]() |
|
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
รู้ไหมว่าเดือนกุมภาพันธ์อากาศร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยเก็บสถิติ! ![]() SHORT CUT - เดือนกุมภาพันธ์ที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ 8 วันแรกของเดือนก็ร้อนเกินค่าเฉลี่ยไปแล้ว - สถานีตรวจอากาศ 12 แห่งในโมร็อกโกมีอุณหภูมิสูงกว่า 33.9 องศาเซลเซียส เป็นฤดูหนาวที่ร้อนที่สุด - ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเดือนมีนาคมจะทำลายสถิติของเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว นักอุตุนิยมวิทยาเผยว่าเดือนกุมภาพันธ์กำลังจะทำลายสถิติความร้อน เนื่องจากความร้อนของโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นประกอบกับปรากฎการณ์ธรรมชาติเอลนีโญ ทำให้อุณหภูมิบนพื้นดินและมหาสมุทรทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น เดือนกุมภาพันธ์เดือนที่สั้นที่สุดของปี และยังเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดโดยอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างเห็นได้เด่นชัดมาก โดยเฉพาะอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่กำลังร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง กุมภาพันธ์นอกจากจะเป็นแห่งความรักแล้ว ยังเป็นเดือนแห่งความร้อนด้วย ตามรายงานของ Zeke Hausfather นักวิทยาศาสตร์จาก Berkeley Earth เผยว่า มนุษยชาติกำลังสัมผัสกับเดือนกุมภาพันธ์ที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ หลังจากสถิติในเดือนมกราคม ธันวาคม พฤศจิกายน ตุลาคม กันยายน สิงหาคม กรกฎาคม มิถุนายน และพฤษภาคม ที่ผ่านมาได้ทุบสถิติมาตลอด แต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เคยเก็บสถิติ โดยเพียง 8 วันแรกของเดือนกุมภาพันธ์ก็ร้อนเกินค่าเฉลี่ยไปแล้ว พฤติกรรมของสภาพอากาศมีความไม่แน่นอนมากขึ้นและคาดการณ์ได้ยากขึ้น เดือนกุมภาพันธ์ปี 2024 เป็นตัวเต็งที่มีโอกาสเอาจะชนะสถิติก่อนหน้านี้ซึ่งเกิดในปี 2016 แต่นั่นอาจยังไม่ใช่ข้อสรุป เนื่องจากแบบจำลองสภาพอากาศเผยให้เห็นว่าอุณหภูมิโลกจะลดลงในสัปดาห์หน้า และหากยังมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ในอัตราที่ไม่ลดลงเลย นั่นอาจทำให้สิ่งที่คาดไว้เป็นจริง ?ดาวเคราะห์กำลังร้อนขึ้นในอัตราเร่ง เรากำลังเห็นอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในมหาสมุทร ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บความร้อนที่ใหญ่ที่สุดในสภาพอากาศ? ดร. โจเอล เฮิร์สชี หัวหน้าฝ่ายการสร้างแบบจำลองระบบทางทะเลของศูนย์สมุทรศาสตร์แห่งชาติแห่งสหราชอาณาจักร กล่าว อุณหภูมิสูงขึ้นหลายพื้นที่ทั่วโลก ครึ่งแรกเดือนแรกของเดือนกุมภาพันธ์ทำให้นักดูสภาพอากาศตกใจมาก เพราะบันทึกความร้อนของสถานีอุตุนิยมวิทยาหลายพันแห่งเผยว่า ประวัติศาสตร์ภูมิอากาศถูกเขียนใหม่แทบทุกวัน สิ่งที่ทำให้นักวิจัยประหลาดใจไม่ใช่แค่จำนวนบันทึกเท่านั้น แต่ยังมีขอบเขตที่บันทึกหลายรายการที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วย สถานีตรวจอากาศ 12 แห่งในโมร็อกโกมีอุณหภูมิสูงกว่า 33.9 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสถิติระดับชาติสำหรับช่วงฤดูหนาวที่ร้อนที่สุดเท่านั้น แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมากกว่าถึง 5 องศาเซลเซียสอีกด้วย ส่วนเมืองฮาร์บินทางตอนเหนือของจีนต้องปิดเทศกาลน้ำแข็งฤดูหนาว เนื่องจากอุณหภูมิพุ่งสูงกว่าจุดเยือกแข็งเป็นเวลา 3 วันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เดือนมีนาคมจะร้อนทำลายสถิติหรือเปล่า? ช่วงครึ่งแรกของเดือนกุมภาพันธ์ 140 ประเทศ ได้ทำลายสถิติความร้อนประจำเดือนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นักสังเกตการณ์สภาพภูมิอากาศเผยว่าความร้อนที่พื้นผิวมหาสมุทรมีการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มโอกาสที่จะเกิดพายุรุนแรงในปลายปีนี้ ไมเคิล โลว์รี ผู้เชี่ยวชาญพายุเฮอริเคนกล่าวว่าอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลทั่วภูมิภาคหลักในมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งพายุเฮอริเคนระดับ 3 ของสหรัฐฯ ก่อตัวขึ้น ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเดือนมีนาคมจะทำลายสถิติของเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว 0.1-0.2 องศาเซลเซียส ซึ่งโดยปกติแล้วเดือนมีนาคมจะเป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของปีสำหรับมหาสมุทร เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูร้อนในซีกโลกใต้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของทะเลอันยิ่งใหญ่ส่วนใหญ่ของโลก ที่มา : The Guardian / Wio News https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/848043
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
หมีขั้วโลก อาจต้องเจอกับความเสี่ยงสูญพันธุ์จากภาวะอดอยาก เพราะโลกร้อน ![]() SHORT CUT - โลกร้อนคือปัญหาใหญ่ที่คุกคามคนทั้งโลก และสัตว์ต่างๆก็ได้รับผลกระทบด้วย เช่นเดียวกับหมีขั้วโลก ที่ปริมาณลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ - หมีขั้วโลก ต้องเผชิญหน้ากับภาวะขาดแคลนอาหาร เนื่องจากน้ำแข็งทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือกำลังละลาย - หมีขั้วโลก ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับอาหารเพื่อดำรงชีพบนพื้นแผ่นดินได้ และหมีขั้วโลก ลดลงราวๆ 30 % นับตั้งแต่ปี 1987 หมีขั้วโลก อาจต้องเจอกับความเสี่ยงสูญพันธุ์จากภาวะอดอยาก เพราะน้ำแข็งขั้วโลกละลายจากภาวะโลกร้อน เนื่องจากน้ำแข็งทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือกำลังละลาย และพวกมันไม่สามารถปรับตัวเข้ากับอาหารเพื่อดำรงชีพบนพื้นแผ่นดินได้ เรื่องโลกร้อนถือเป็นปัญหาใหญ่ของโลก และมีผลกระทบในทุกทาง มีผลเอฟเฟกต์กับทั้งมนุษย์และสัตว์โลก รวมถึง ตอนนี้ เริ่มมีงานวิจัย ระบุว่า หมีขั้วโลก หรือ Polar bears บางส่วนกำลังเผชิญหน้ากับภาวะขาดแคลนอาหาร เนื่องจากน้ำแข็งทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือกำลังละลาย และพวกมันไม่สามารถปรับตัวเข้ากับอาหารเพื่อดำรงชีพบนพื้นแผ่นดินได้ ทั้งนี้ งานศึกษา ที่ทำการศึกษาในรัฐแมนิโทบาตะวันตก ของแคนาดา และ ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารเนเจอร์ คอมมิวนิเคชันส์ พบข้อมูลว่า หมีขั้วโลก ที่อยู่บริเวณทางตะวันตกของอ่าวฮัดสัน ในแคนาดา มีน้ำหนักลดลงเมื่อใช้เวลาบนพื้นดินมากขึ้น เนื่องจากผืนน้ำแข็งทะเลละลาย โดย กลุ่มนักวิจัย เฝ้าติดตามพฤติกรรมของหมีขั้วโลกจำนวน 20 ตัว โดยมีการติดกล้อง และ จีพีเอส ติดตามตัว เป็นเวลาหลายเดือนในช่วงฤดูร้อน และ ทำการศึกษาพฤติกรรมของหมีขั้วโลก ในช่วงเวลาที่ปราศจากน้ำแข็งในพื้นที่นี้ได้ขยายยาวนานขึ้นราวสามสัปดาห์ ซึ่งเหตุการณ์ลักษณธนี้ เกิดขึ้น ระหว่างปี 1979 ถึงปี 2015 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ในระหว่างการทำการวิจัย จะมีการตรวจตัวอย่างเลือดและชั่งน้ำหนักหมีขั้วโลกเหล่านี้แล้วด้วย ทีมวิจัยยังสวมปลอกคอที่ติดตั้งกล้องเพื่อบันทึกวิดีโอและอุปกรณ์ระบุพิกัด เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว กิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งสิ่งที่พวกมันกิน ในช่วงฤดูร้อนที่ปราศจากน้ำแข็ง หมีขั้วโลกเหล่านี้ปรับวิธีการเอาตัวรอด หมีบางตัวเน้นไปที่การพักผ่อนและลดอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย หมีขั้วโลกกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่พยายามหาอาหารจากพืช ผลไม้ตระกูลเบอร์รี หรือ ลอยว่ายน้ำหาสิ่งที่พวกมันจะพอกินได้ แต่ในทางกลับกัน วิธีการทั้งสองแบบกลับล้มเหลว โดย หมีขั้วโลก 19 จาก 20 ตัว ที่นักวิทยาศาสตร์ทำการศึกษาพบว่า สูญเสียกล้ามเนื้อ ในบางกรณี พบว่าการสูญเสียกล้ามเนื้อสูงถึง 11% และอีกตัวเลขหนึ่งที่น่าตกใจคือ โดยเฉลี่ยแล้ว พวกหมีขั้วโลกน้ำหนักลดลงวันละ 1 กิโลกรัม อีกข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยวกับหมีขั้วโลกนั้น , ปัจจุบัน มีหมีขั้วโลกเหลือราวๆ 26,000 ตัว โดยส่วนใหญ่พวกมันอาศัยอยู่ในประเทศแคนาดา นอกจากนี้ยังพบประชากรหมีขั้วโลกส่วนหนึ่งในสหรัฐฯ, รัสเซีย, กรีนแลนด์ และนอร์เวย์ และในบริเวณ อ่าวฮัดสัน ในแคนาดา ที่ทำการวิจัยนี้ ตัวเลขของหมีขั้วโลก ลดลงราวๆ 30 % นับตั้งแต่ปี 1987 หมีขั้วโลกถูกจัดอยู่ในสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) โดยสภาวะสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมีผลกระทบต่อจำนวนประชากรที่ลดลงของพวกมัน ที่มา reuters https://www.springnews.co.th/keep-the-world/848052
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
เหตุใดกองทัพเรือไทยเลือกจับมือกับกองทัพเรือสหรัฐฯ เพื่อกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด ![]() เรือหลวงสุโขทัยอับปางหลังเผชิญคลื่นลมแรง เมื่อ 18 ธ.ค. 2565 ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES กว่า 1 ปี 2 เดือนนับจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางลงบริเวณอ่าวไทยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2565 ล่าสุดโฆษกกองทัพเรือระบุว่า การสอบสวนหาสาเหตุเรืออับปางคืบหน้าไปแล้ว 90% เหลือเพียงรอหลักฐานจากการกู้เรือเท่านั้น ภารกิจกู้เรือหลวงสุโขทัยจะเริ่มต้นขึ้นวันที่ 22 ก.พ. นี้ โดยทางกองทัพเรือของไทยร่วมกับกองทัพเรือของสหรัฐอเมริกาช่วยกันกู้เรือแบบจำกัด แทนที่จะกู้เรือขึ้นมาทั้งลำ ซึ่งทางกองทัพเรือของไทยเคยตั้งงบประมาณไว้ที่ 200 ล้านบาท ก่อนจะยกเลิกแผนดังกล่าวไปเมื่อเดือน ธ.ค. 2566 18 ธ.ค. 2565 วันเรืออับปาง ช่วงเวลาประมาณสี่โมงเย็นของวันที่ 18 ธ.ค. 2565 เรือหลวงสุโขทัยเดินทางออกจากฐานทัพเรือสัตหีบ มุ่งหน้าไปร่วมงานคล้ายวันประสูติของ เสด็จเตี่ย หรือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ จ.ชุมพร แต่ต้องเผชิญกับคลื่นลมแรงในอ่าวไทย จนทำให้เรือเริ่มเอียง น้ำทะลักเข้ามาในตัวเรือ ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าและเครื่องจักร ทำให้มีคำสั่งจากผู้บังคับการเรือให้สละเรือในเวลาต่อมาเมื่อพบว่าเรือเอียง 60 องศา และอับปางลงในเวลาประมาณ 23.30 น. ของวันเดียวกัน ห่างจากท่าเรือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 20 ไมล์ทะเล เรือลำดังกล่าวบรรทุกกำลังพลทั้งหมด 106 นาย เป็นกำลังพลประจำเรือกว่า 70 นาย ขณะที่อีกกว่า 30 นาย ไม่ใช่กำลังพลประจำเรือ แต่มาจากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน เป็นต้น ข้อมูลล่าสุดพบว่า มีผู้สูญหาย 5 นาย เสียชีวิต 24 นาย และรอดชีวิตกว่า 70 นาย จากการสำรวจของกองทัพเรือพบว่า เรือหลวงสุโขทัยหนัก 930 ตัน จมอยู่ในลักษณะตั้งตรง เรือเอียงซ้ายประมาณ 8 องศา แผนกู้เรือแบบเต็มรูปแบบ 200 ล้านบาทที่เป็นหมัน จากเอกสารขอบเขตของงาน หรือ ทีโออาร์ (Terms of reference: TOR) โครงการงานจ้างกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัย ของกองทัพเรือ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2566 ระบุว่า ต้องการจ้างกู้เรือหลวงสุโขทัยที่อับปางทั้งลำในสภาพตัวเรือภายนอกใกล้เคียงกับผลสำรวจ และลำเลียงไปยังท่าเทียบเรือ ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จากนั้นให้ชำระคราบโคลนภายนอกและภายในตัวเรือให้เรียบร้อย ปรับแต่งสภาวะเรือให้มีความปลอดภัย ลอยลำได้ด้วยตัวเอง ตั้งงบประมาณไว้ที่ 200 ล้านบาท มีแผนใช้งบกลางและงบประมาณของกองทัพเรือเอง โดยผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีผลงานกู้เรืออับปางทั้งลำโดยไม่ตัดเป็นชิ้นส่วน ที่มีขนาดระวางขับน้ำไม่น้อยกว่า 1,000 ตัน ระดับความลึกไม่น้อยกว่า 50 เมตร สำเร็จในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ยื่นข้อเสนอ ต่อมาพบว่ามีผู้เสนอยื่นซองประมูลโครงการ 16 ราย วันที่ 13 ก.ย. 2566 ซึ่งมีการแถลงนโยบายของรัฐบาล ทางนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายนโยบายของรัฐบาล โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่พูดถึงความผิดปกติของขั้นตอนการยื่นซองประมูลโครงการกู้เรือสุโขทัยแบบเต็มรูปแบบ จากกรณีที่กองเรือยุทธการยกเลิกการประมูล โดยไม่มีทีโออาร์ใหม่ ไม่เปิดเชิญชวนยื่นซองประมูลใหม่ แต่กลับให้เอกชนที่เคยยื่นซองก่อนหน้านี้เข้ายื่นซองประมูลใหม่ในราคาเดิม พร้อมกันนี้ ยังพบว่าบริษัทสุดท้ายที่ยื่นซองประมูล เพิ่งจดจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2566 และมีกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นคุณหญิง นามสกุล "หนุนภักดี" ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกันกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น "จึงขอตั้งคำถามว่ามีเจตนาควบคุมการตรวจสอบกู้ซากหรือไม่" นายจิรัฏฐ์ สส.พรรคก้าวไกล กล่าว พล.ร.อ. เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการกองทัพเรือ (ผบ.ทร) ในขณะนั้น ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของ สส.พรรคก้าวไกล ในเวลาต่อมา โดยกล่าวว่า "ไม่มีหรอกครับ คนนี้แค่นามสกุลพ้องกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน" พร้อมกับอธิบายว่า 16 บริษัทที่ยื่นซองประมูลต่างส่งเอกสารไม่ครบ คณะกรรมการเปิดซองราคาจึงกำหนดให้แต่ละบริษัทยื่นซองเข้ามาใหม่ พร้อมแจ้งว่าขาดเอกสารใดบ้าง โดยยืนยันว่าไม่มีการล้มประมูล ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทีโออาร์เพื่อล็อคสเปคให้กับบริษัทใด โดยช่วงยื่นซองประมูลรอบที่สอง เกิดขึ้นเมื่อเดือน ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา จากนั้นวันที่ 25 ธ.ค. 2566 พบว่า กองเรือยุทธการออกประกาศยกเลิกการจัดจ้างกู้และลำเลียงเรือหลวงสุโขทัย โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากไม่มีผู้ยื่นข้อเสนอผ่านการคัดเลือกตามที่กองเรือยุทธการกำหนด จึงขอยกเลิกการจัดจ้างดังกล่าว ในสัญญาจัดซื้อเรือหลวงสุโขทัยระบุว่า ไทยมีข้อตกลงกับกองทัพสหรัฐฯ เรื่องการห้ามไม่ให้ชาติอื่นเข้าถึงเทคโนโลยี รวมทั้งกรณีการกู้ซากเรือต้องให้ทางสหรัฐฯ เป็นผู้ดำเนินการ ทำไมกองทัพเรือเลือกแผนกู้เรือแบบจำกัดแทน วันที่ 2 ก.พ. 2567 กองทัพเรือของไทยและกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา เปิดเผยระหว่างการฝึกคอบร้าโกลด์ 2024 ว่า กองทัพของทั้งสองประเทศจะร่วมกันทำภารกิจกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัด ซึ่งหมายถึงไม่ได้กู้ซากเรือหลวงขึ้นมาทั้งลำเหมือนกับแผนของกองทัพเรือในตอนแรก โดยมีแผนดำเนินการระหว่างวันที่ 19 ก.พ. ? 4 มี.ค. 2567 คอบร้าโกลด์เป็นการฝึกร่วมผสมนานาชาติประจำปีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีประวัติยาวนานมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทยและกองกำลังของสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกจะร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี แผนการกู้เรือหลวงสุโขทัยแบบจำกัดในครั้งนี้ ทางกองทัพเรือจะใช้เรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือต่อต้านทุ่นระเบิดจำนวน 2 ลำ เรือตรวจการณ์จำนวน 2 ลำ เรือระบายพลขนาดกลางจำนวน 18 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด 40 นาย ร่วมปฏิบัติการ ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ จะใช้เรือโอเชียน เวเลอร์ (Ocean Valor) พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด 20 นาย ร่วมสนับสนุนปฏิบัติการ พล.ร.อ.ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เปิดเผยว่า แผนการกู้เรือในครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น - การค้นหาผู้สูญหายจำนวน 5 คน - สำรวจหลักฐานใต้น้ำเพื่อนำมาประกอบการสอบสวนข้อเท็จจริงของกองทัพเรือ - ทำให้ยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่ติดอยู่กับเรือหลวงสุโขทัยหมดความสามารถ - กองทัพเรือจะนำอุปกรณ์และยุทโธปกรณ์บางส่วนขึ้นจากน้ำ โดยปล่อยให้ตัวเรืออยู่ใต้ทะเล เรือหลวงสุโขทัยประจำการมา 35 ปี เป็นเรือลำที่ 2 ในเรือคอร์เวตชุดเรือหลวงรัตนโกสินทร์ สร้างโดยบริษัทต่อเรือทาโคมา เมืองทาโคมา รัฐวอชิงตัน สหรัฐฯ กองทัพเรือของสหรัฐฯ พยายามยื่นข้อเสนอช่วยกู้เรือมาโดยตลอด อ้างอิงจากข้อมูลที่นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ สส.พรรคก้าวไกลในขณะนั้น ได้อภิปรายในวันที่ 2 ของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2566 นายพิจารณ์ บอกว่า กองทัพเรือของสหรัฐฯ เสนอความช่วยเหลือว่าจะกู้เรือให้ฟรี เพราะเรือลำนี้ไทยซื้อจากสหรัฐฯ และทางสหรัฐฯ เองก็ต้องการสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าอะไรคือเหตุให้เรือล่ม เนื่องจาก "ที่ผ่านมาเรือของเขามีแต่จมลงเพราะสู้รบหรือไม่ก็ชนหินโสโครก ไม่เคยมีที่จมเพราะคลื่นทะเล" โดยมีเงื่อนไขว่าผลการสืบสวนต้องเก็บเป็นความลับระหว่างกองทัพเรือของไทยและกองทัพเรือของสหรัฐฯ นอกจากนี้ นายชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ยังแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา โดยเปิดเอกสารจากคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย หรือ Joint United State Military Advisory Group, Thailand (JUSMAGTHAI- จัสแม็กไทย) ที่ทวงถามกองทัพเรือของไทยเป็นครั้งที่ 2 จากกรณีการกู้ซากเรือหลวงสุโขทัย ในเอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาใจความว่า ทางจัสแม็กไทยต้องการให้กองทัพเรือของไทยเร่งส่งรายงานอุบัติเหตุและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับเรือรบหลวงสุโขทัยตามสัญญา เพื่อส่งรายงานกลับไปยังสหรัฐฯ พร้อมทั้งระบุว่า การกู้เรือหลวงสุโขทัยจะต้องผ่านการรับรองโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อน และหากไทยไม่ทำตาม จะส่งผลต่อการซื้อขายอาวุธระหว่างกันในอนาคต นายชยพลจึงมีคำถามถึงกองทัพเรือของไทยว่า กองทัพเรือได้มีการคุยกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิดเพียงใด และกังวลว่าเรื่องนี้อาจกระทบต่อการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ในอนาคต ซึ่งอาจทำให้กองทัพเสียโอกาสที่จะมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2567 เว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหมได้เผยแพร่ข่าวการประชุมร่วมกันระหว่างนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ กมธ.การทหาร สภาผู้แทนราษฎร โดยพบว่าส่วนหนึ่งของเนื้อหาการประชุมหารือ ได้มีการกล่าวถึงภารกิจกู้เรือหลวงสุโขทัยด้วย และเนื้อหาสอดคล้องกับข้อมูลของนายชยพล สส.พรรคก้าวไกล นายสุทินชี้แจง กมธ.การทหารฯ ว่า การจัดซื้อเรือหลวงสุโขทัยนั้น ไทยมีข้อตกลงกับกองทัพสหรัฐฯ เรื่องการห้ามไม่ให้ชาติอื่นเข้าถึงเทคโนโลยี รวมทั้งกรณีการกู้ซากเรือต้องให้ทางสหรัฐฯ เป็นผู้ดำเนินการ การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรืออับปางไปถึงไหนแล้ว หลังจากเกิดเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางลง ทางกองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง 2 ชุด - คณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยอับปาง มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุ ทั้งด้านความพร้อมของเรือและการปฏิบัติงานของเรือ - คณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงในการดำเนินการภายหลังจากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อตรวจสอบการดำเนินการในขั้นตอนของการสละเรือใหญ่ การค้นหาและช่วยเหลือกำลังพลภายหลังประสบเหตุ ว่าเป็นไปตามหลักการและแนวทางการปฏิบัติที่กำหนดไว้หรือไม่ ถึงแม้สังคมและผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงจำนวนหนึ่งเสนอแนะว่า ควรมีคณะผู้ตรวจสอบภายนอกหรือคณะกรรมการกลางเข้าไปมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ หรือตรวจสอบกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของกองทัพเรือ แต่ พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือในขณะนั้น เคยให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยเมื่อ ธ.ค. 2565 ว่า ไม่มีระเบียบที่เปิดช่องให้ตั้งคณะผู้ตรวจสอบภายนอกร่วมการสอบสวน แต่ยืนยันว่าจะสอบสวน "อย่างตรงไปตรงมา" ต่อมา พล.ร.อ.ปกครอง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2566 ว่าการสอบสวนกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปางคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% สอบปากคำพยานไปแล้ว 289 คน เหลือเพียงพยานวัตถุเรือหลวงสุโขทัยที่ยังได้ไม่ครบ ต้องรอจากขั้นตอนการกู้เรือ โดยยืนยันว่า "ไม่มีความพยายามดึงเรื่องให้ช้า แต่พยายามทำให้เร็ว อยากทำให้ทุกอย่างมีความรอบคอบ" https://www.bbc.com/thai/articles/cv2vvxk6p26o
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|