เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #9  
เก่า 05-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


คนไทยเตรียมร้อนตับแตก ปี 2567 อุณหภูมิโลกร้อนสุดในประวัติศาสตร์ ................ โดย กฤตพล สุธีภัทรกุล


KEY POINTS

- นักวิทยาศาสตร์พบว่าผลกระทบจาก "ปรากฏการณ์เอลนีโญ" มีโอกาส 90% ที่จะทำให้อุณหภูมิโลกในปี 2567 สูงขึ้นจนทำลายสถิติใหม่

- ปรากฏการณ์สภาพอากาศ 2 ขั้ว ประกอบไปด้วย เอลนีโญและ "ลานีญา" เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาช้านาน แต่ในระยะหลังปรากฏการณ์เหล่านี้รุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้น

- ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงนี้จะทำให้เกิดคลื่นความร้อนทั่วภูมิภาคแคริบเบียน อ่าวเบงกอล และทะเลจีนใต้ ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงประเทศไทยด้วย




นักวิทยาศาสตร์เผยมีแนวโน้มถึง 90% ที่ปี 2567 มี อุณหภูมิทั่วโลกร้อน ขึ้นจนทุบสถิติ เนื่องจาก ?ปรากฏการณ์เอลนีโญ? ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ป่าแอมะซอน หรือ อะแลสกาที่มีน้ำแข็งปกคลุมทั้งปีก็หนีไม่รอด ขณะที่ไทยก็ต้องเตรียมรับมือเช่นกัน

ปี 2566 กลายเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มมีการจดบันทึกในปี 2393 และอาจจะร้อนที่สุดในรอบอย่างน้อย 100,000 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกิดเอลนีโญ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกจะปลดปล่อยความร้อนออกมา ทำให้ในช่วงครึ่งหลังของปี อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป จีน และมาดากัสการ์ ต้องเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัด ขณะเดียวกันปัญหาวิกฤตสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงมากขึ้น จนอุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้น และ ส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปี 2567 ที่จะกลายเป็นที่ร้อนยิ่งกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา


โลกร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดร.หนิง เจียง จากสถาบันวิทยาศาสตร์อุตุนิยมวิทยาจีน และคณะทำการศึกษา ซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสาร Scientific Reports โดยใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ระบุฮอตสปอตในภูมิภาคที่เป็นไปได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 พร้อมจำลองผลกระทบของเหตุการณ์ดังกล่าวต่อความแปรผันของอุณหภูมิอากาศบนพื้นผิวในระดับภูมิภาคตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 ถึง มิ.ย. 2567 พบว่ามีโอกาส 90% ที่อุณหภูมิโลกในปี 2567 จะสูงขึ้นจนทำลายสถิติใหม่

ทีมวิจัยคาดการณ์ว่าอุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยทั่วโลกระหว่างเดือนก.ค. 2566 ถึง มิ.ย. 2567 จะเพิ่มขึ้นอยู่ระหว่าง 1.1-1.2 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในยุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 1.4-1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับเกณฑ์สำคัญในข้อตกลงปารีสปี 2015 ในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ หรือ COP ครั้งที่ 21 ที่พยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม

"คลื่นความร้อนที่รุนแรงและพายุหมุนเขตร้อน เมื่อรวมกับการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลกที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ พื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีประชากรหนาแน่นกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศครั้งใหญ่และเร่งด่วน ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของมนุษย์ในการปรับตัว การบรรเทา และการบริหารความเสี่ยง" ดร.หนิง กล่าว

"คลื่นความร้อน" ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ จะทำให้อุณหภูมิในมหาสมุทรเพิ่มมากขึ้น พร้อมความเสี่ยงเกิดไฟป่าและผลกระทบต่าง ๆ เกิดขึ้น ในหลากหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทะเล เนื่องจากมหาสมุทรสามารถกักเก็บความร้อนได้มากกว่าพื้นดิน หมายความว่าสภาพอากาศที่ร้อนจะคงอยู่เป็นระยะเวลานานขึ้น


"เอลนีโญ" สาเหตุหลักทำอุณหภูมิสูงทั่วโลก

ปรากฏการณ์สภาพอากาศ 2 ขั้ว ประกอบไปด้วย เอลนีโญ และ "ลานีญา" เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ระหว่างกระแสน้ำและชั้นบรรยากาศ เกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณแถบเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ซึ่งเกิดขึ้นมาอย่างช้านาน โดยเอลนีโญจะเป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงขึ้น ส่วนลานีญาจะทำให้อุณหภูมิลดต่ำลง

แต่ในระยะหลังปรากฏการณ์เหล่านี้รุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากระดับคาร์บอนไดออกไซด์จากเชื้อเพลิงฟอสซิลในชั้นบรรยากาศที่เพิ่มสูงขึ้น

เมื่อเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ กระแสลมสินค้าตะวันออกอ่อนกำลังลง กระแสลมพื้นผิวเปลี่ยนทิศทาง พัดจากประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลียตอนเหนือไปทางตะวันออก แล้วยกตัวขึ้นเหนือชายฝั่งทวีปอเมริกาใต้ ก่อให้เกิดฝนตกหนักและแผ่นดินถล่มในประเทศเปรูและเอกวาดอร์

กระแสลมพัดกระแสน้ำอุ่นบนพื้นผิวมหาสมุทรแปซิฟิกไปกองรวมกันบริเวณชายฝั่งประเทศเปรู ทำให้กระแสน้ำเย็นใต้มหาสมุทรไม่สามารถลอยตัวขึ้นมาได้ ส่งผลกระทบให้บริเวณชายฝั่งขาดธาตุอาหารสำหรับปลาและนกทะเล ชาวประมงจึงขาดรายได้

ปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้ฝนตกหนักในตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ และก่อให้เกิดความแห้งแล้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตอนเหนือของออสเตรเลีย โดยปกติแล้ว เอลนีโญจะรุนแรงสูงสุดระหว่างในช่วงพ.ย.-ม.ค.


"เอลนีโญ" ส่งผลกระทบถึงไทย

นักวิทยาศาสตร์พบว่า ในปี 2567 มีแนวโน้มที่อุณหภูมิในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำแอมะซอนจะสูงขึ้นจนทำลายสถิติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า เนื่องจากความแห้งแล้งในช่วงปลายปี 2566 ทำให้เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง อีกทั้งในเดือนก.พ. 2567 มีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงเป็นประวัติการณ์

อีกทั้ง ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงนี้จะทำให้เกิดคลื่นความร้อนทั่วภูมิภาคแคริบเบียน อ่าวเบงกอล และทะเลจีนใต้ ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงประเทศไทยด้วย คลื่นความร้อนในทะเลที่สามารถฟอกขาวและทำลายแนวปะการัง ที่ถือว่าเป็นแหล่งกันชนจากพายุโซนร้อน

ขณะที่อุณหภูมิที่สูงในรัฐอะแลสกา จะส่งผลให้ธารน้ำแข็งและชั้นดินเยือกแข็งคงตัวละลาย และเกิดการกัดเซาะชายฝั่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น

ไมเคิล แมคฟาเดน สมาชิกในทีมวิจัยจาก NOAA กล่าวว่า "นี่คือจุดที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสุดขั้วในระดับสูง และภาวะสุดขั้วเหล่านี้สร้างความเสียหายอย่างมาก ทั้งต่อสุขภาพของมนุษย์ความเสียหายต่อระบบนิเวศทางทะเล"

ทั้งนี้ ระดับความรุนแรงของปรากฏการณ์เอลนีโญที่อาจจะเกิดในปีนี้ ถือว่าอยู่ในระดับ "ปานกลาง" แต่ก็สามารถสร้างผลกระทบที่รุนแรง และจนทำให้โลกมีอุณหภูมิสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาภายในเดือนมิ.ย. นี้

ที่มา: New Scientist, The Guardian, The Verge


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1116005

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:37


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger