เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #4  
เก่า 06-03-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


รู้หรือไม่! มีเพียง 2 ประเทศในโลกที่ให้สัตยาบัน "สนธิสัญญาทะเลหลวง"



วานนี้ (4 มีนาคม 2567) นับเป็นวันครบรอบหนึ่งปีการบรรลุข้อตกลงสนธิสัญญาที่ว่าด้วยการจัดระเบียบการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลในพื้นที่ที่อยู่นอกเขตอำนาจรัฐ (BBNJ) หรือ เรียกสั้นๆว่า สนธิสัญญาทะเลหลวง

หลังบรรลุข้อตกลงดังกล่าวในเดือนมีนาคม 2566 เดือนกันยายนปีเดียวกัน ได้มีการลงชื่ออย่างเป็นทางการโดยตัวแทนรัฐบาล 87 ประเทศทั่วโลก ซึ่งกระบวนการต่อจากนี้ คือรัฐบาลประเทศต่างๆ ให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว* โดยสนธิสัญญาฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่ออย่างน้อยประเทศ 60 ประเทศให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญา

แม้การได้มาซึ่งสนธิสัญญาฉบับนี้จะถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะกว่าจะได้มาเรียกได้ว่าต้องฝ่าแดดลมฝน ผ่านการเรียกร้องกันยาวนานมากกว่ายี่สิบปี แต่กระบวนการต่อจากนี้ก็ยังเป็นเรื่องท้าทาย เพราะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว กลับมีเพียงสองประเทศเท่านั้นที่ให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาทะเลหลวงแล้ว นั่นคือ ชิลีและปาเลา

สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย นางสาวณิชนันท์ ตัญธนาวิทย์ หัวหน้าโครงการรณรงค์ด้านทะเลและมหาสมุทร กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นหนึ่งในผู้สังเกตการณ์การเจรจาสนธิสัญญาเมื่อปีที่แล้ว อธิบายว่า

"ปัจจุบันยังไม่ได้มีการลงนามเต็มหรือลงนามจริง ที่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความยินยอมเข้าผูกผันตามสนธิสัญญา ที่จะไปสู่การให้สัตยาบันในขั้นต่อไป"

"แต่ทั้งนี้ เราก็เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลไทยที่จะเร่งผลักดันกระบวนการดังกล่าว เราหวังว่าจะได้เห็นประเทศไทยเป็นชาติแรกๆ ในภูมิภาค ที่เป็นผู้นำในการปกป้องมหาสมุทรของโลก โดยขณะนี้ประเทศในอาเซียนที่ได้ลงนามแล้ว ประกอบด้วย อินโดนีเซีย ฟิลลิปปินส์ เวียดนาม ลาว"

สาเหตุที่เราต้องเร่งให้สนธิสัญญาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ เพราะเราต้องการที่จะสร้างพื้นที่คุ้มครองทางทะเลให้ได้ตามเป้าหมาย นั่นคือ 30% ของทะเลทั้งหมด ซึ่งมหาสมุทรโลกในปัจจุบันได้รับการปกป้องไม่ถึง 1% และยังเผชิญกับภัยคุกคาม ทั้งประมงทำลายล้าง มลพิษ อุตสาหกรรมเหมืองทะเลลึก

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature and led by Global Fishing Watch เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาระบุว่า ข้อมูลเรือประมงพาณิชย์ถึง 75% ได้รับการปกปิดจากสาธารณชน

ขณะที่รายงาน: 30?30 จากสนธิสัญญาทะเลหลวงสู่เขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล เผยว่าภัยคุกคามที่เกิดในทะเลหลวงกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2565 มีการทำประมงในทะเลหลวงเพิ่มขึ้นถึง 22.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยระหว่างนี้เรือประมงพาณิชย์ในทะเลหลวงใช้เวลาจับปลารวมกันทั้งหมด 8,487,894 ชั่วโมง

"สนธิสัญญาทะเลหลวง" จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุดของโลก และประเทศต่างๆต้องเร่งให้สัตยาบัน เพื่อเริ่มกระบวนการปกป้องและฟื้นฟูมหาสมุทรทั่วโลก

ดิฉันขอเชิญชวนร่วมลงชื่อเป็นส่วนหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาและปกป้องมหาสมุทร

ในคลิป นางสาวณิชนันท์ ตัญธนาวิทย์ เธอคือหัวหน้าโครงการรณรงค์แคมเปญระหว่างประเทศของ Greenpeace Thailand ผู้กำลังผลักดันแคมเปญชื่อว่า 'Ocean Justice' รณรงค์เรื่องชุมชนชายฝั่งที่กำลังถูกคุกคามในรูปแบบต่างๆ ทั้งจากภัยพิบัติ และการเข้ามาพัฒนาโครงการที่ไม่เป็นธรรมของกลุ่มทุนหรือหน่วยงานภาครัฐฯ และขณะที่เรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของโลก

เธอจึงอยากผลักดันเรื่อง 'สิทธิทางสิ่งแวดล้อม' เพราะเราทุกคนควรจะมีสิทธิดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีน้ำที่สะอาด มีอากาศที่บริสุทธิ์ ชุมชนได้รับการปกป้อง เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องพื้นฐานที่ภาครัฐหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องการันตีสิ่งเหล่านี้ให้กับประชาชน


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9670000019777

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:40


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger