![]() |
|
#10
|
||||
|
||||
|
ของดีที่แหลมผักเบี้ย...."นกทะเล"
ลองอ่านดูนะคะ มติชน นกแหลมผักเบี้ย : คอลัมน์ ประสานักดูนก โดย น.สพ.ไชยยันต์ เกษรดอกบัว ![]() "ทั่วฟ้าเมืองไทย จังหวัดเพชรบุรีมีนกในธรรมชาติมากชนิดที่สุด เรียกได้ว่าเป็นจังหวัดที่ดีที่สุดในการดูนก" ไม่ เฉพาะจำนวนชนิดเท่านั้น ความหลากหลายของกลุ่มนกก็หาจังหวัดอื่นเทียบไม่ได้ เนื่องจากสภาพพื้นที่มีความแตกต่างอย่างมาก ตั้งแต่ทุ่งนา พื้นที่กสิกรรม ชายทะเล หาดทรายและหาดเลน ตลอดจนป่าดิบชื้นตามแนวเทือกเขาฝั่งตะวันตก นับเป็นสวรรค์ของนักดูนก ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดส่อง อาจเริ่มศึกษานกน้ำ นกทุ่งตัวง่ายๆ ตามท้องทุ่งนาหรือพื้นที่กสิกร นกป่าหลากสี ตัวดึงดูดและตัวช่วยย้ำรอยประทับใจให้กับนักดูนก สนุกกับการส่องนกมากยิ่งขึ้น ในป่าแก่งกระจานอันเป็นผืนป่ารอยเชื่อมต่อระหว่าง "ป่าเหนือ" จากเทือกเขาหิมาลัย และ "ป่าใต้" จากคาบสมุทรมาเลเซีย ตลอดจนนกอีก สองกลุ่มที่จัดว่า "หิน" หรือยากในการจำแนก และมักถูกละเลยจากนักดูนกจำนวนมาก กระทั่งเมื่อตะลอนดูนกทั่วไทยจำนวนมาก จนรายชื่อนกชนิดอื่นที่ไม่เคยเห็นเหลือน้อยเต็มทีนั่นแหละ ถึงจะเบือนหน้าหันกล้องมาส่องดูนกกลุ่มนี้ ได้แก่ นกชายเลนและนกล่าเหยื่อ ซึ่ง ก็ไม่ใช่ที่อื่นใด จังหวัดเพชรบุรีอีกน่ะแหละที่ "ณ วันนี้ เป็นแหล่งดูนกนกชายเลนและนกล่าเหยื่อ โดยเฉพาะประดาขาใหญ่ เช่น นกอินทรีอพยพ ที่ดีที่สุดในเมืองไทยก็ว่าได้" ยิ่งไปกว่านั้นจากสภาพ ภูมิประเทศของจังหวัดเพชรบุรี เฉกเช่น "ป่าแก่งกระจาน เป็นจุดเชื่อมรอยต่อระหว่างภาคเหนือ ตะวันตก อีสานและภาคกลาง กับภาคใต้ จึงเป็นทางผ่านของบรรดากองทัพนกอพยพหนีหนาวจากประเทศรัสเซียและจีน เพื่ออพยพผ่านไปยังภาคใต้ ประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย เรียกว่าตลอดปี มีนกให้ดูทุกเดือนที่เพชรบุรี" ณ ป่าชายเลนฝั่งอ่าวไทย ตอนใน ของอำเภอบ้านแหลม เป็นที่ตั้งของ "โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราช ดำริ" พื้นที่โครงการ ประกอบด้วยบ่อบำบัดน้ำเสีย ป่าชายเลน หาดทรายยื่นสู่ทะเลอ่าวไทย ชื่อว่า ""แหลมผักเบี้ย"" กลายเป็นแหล่งพักพิงชั่วคราวของนกอพยพนานาชนิด ที่ใช้ชายทะเลฟากนี้เป็นทางผ่านไปยังบ้านในฤดูหนาว "แหลมผักเบี้ย กลายเป็นแหล่งดูนกคุ้นหูในวงการดูนก เนื่องจากเป็นแหล่งดูนกชั้นยอดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ" และเป็นแหล่งสำรวจนกตั้งแต่ พ.ศ.2536 โดย "ผู้ช่วยศาสตราจารย์ฟิลลิป เดวิด ราวด์" นักปักษีวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยมหิดล จากงานดักจับนกเพื่อติดเครื่องหมายด้วยการใส่ห่วงขาแล้วปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ กลายมาเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักดูนกและประชาชนทั่วไป ได้สัมผัสและรับประสบการณ์ตรงจากนกหลายชนิด ระดับ in-hand ได้จับตัว คลี่ปีก นับขนเป็นเส้นๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวโครงสร้างของนกมากขึ้น จนผลิดอกออกผลออกมาเป็นหนังสือคู่มือดูนกสำหรับแหล่งดูนก ซึ่งเป็นหนังสืออีกแนวที่ยังมีน้อยนักในวงการดูนกไทย "นกแหลมผัก เบี้ยเป็นหนังสือคู่มือดูนกที่รวบรวมชนิดนกภายในโครงการแหลมผักเบี้ยและ พื้นที่ใกล้เคียง" พบนก 243 ชนิด ส่วนใหญ่เป็นนกชายเลน และนกน้ำ กึ่งหนึ่งเป็นนกอพยพที่เข้ามาอาศัยพื้นที่เป็นแหล่งอาศัยในฤดูหนาว หรืออพยพผ่านไปภาคใต้ เช่น นกจับแมลง หรือนกกระจิ๊ด จากความร่วมมือของนักดูนกชั้นยอดของเมืองไทย อย่างผู้ช่วยศาสตราจารย์ฟิลลิป และกองบรรณาธิการ กอปรด้วยคุณ วิเชียร คงทอง คุณพินิจ แสงแก้ว คุณสมชาย นิ่มนวล และอาจารย์นฤชิต ดำปิน กับนักถ่ายภาพนกอันดับต้นๆ ของเมืองไทย คือคุณวิชา นรังศรี และคุณสมิทธิ์ สุติบุตร์ ช่วยเพิ่มแง่มุมของความงามจากท่วงท่าและอิริยาบถของนกในธรรมชาติให้กับ หนังสือเล่มนี้ที่พิมพ์สี่สีด้วยภาพนกในธรรมชาติ และภาพนกในมือจากการใส่ห่วงขา ประกอบเนื้อหาอันแน่นและเนียนด้วยข้อมูลของนกในพื้นที่แหลมผักเบี้ยจากฝีมือ การเรียบเรียงของคณะผู้เขียน ที่รวบรวมตลอด 15 ปี อีกทั้งยังเป็นหนังสือสองภาษา มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เลือกอ่าน หนังสือ หนา 288 หน้า ภาพสีกว่า 500 ภาพ ด้วยราคาหน้าปก 450 บาท มีจำหน่ายแล้วที่ร้านนายอินทร์ และสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย (www.bcst.or.th) "...........หากสงสัยใคร่รู้เรื่องราวความเป็นมาของหนังสือเล่มนี้จากวาจาของคณะผู้จัดทำ ก็พบกันได้ที่สยามพารากอน วันเสาร์ที่ 12 กันยายนนี้ จะมีการเปิดตัวหนังสืออย่างเป็นทางการ โดยมูลนิธิชัยพัฒนา" เห็นทีจะต้องไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่าน....เตรียมตัวไปดูนกที่แหลมผักเบี้ยกันนะคะ....
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 06-09-2009 เมื่อ 11:13 |
|
|