![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
นักวิทย์ทดสอบระบบสนทนากับ "วาฬหลังค่อม" สำเร็จ คุยได้นาน 20 นาที ![]() นักวิทย์ทดสอบระบบสนทนากับ "วาฬหลังค่อม" สำเร็จ คุยได้นาน 20 นาที นักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน SETI มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส และมูลนิธิปลาวาฬอะแลสกา สร้างความก้าวหน้าอันน่าทึ่งในการทดสอบระบบสนทนากับวาฬหลังค่อม "ทเวน" ความก้าวหน้าใหม่ที่ถูกค้นพบคือความฉลาดที่ไม่ใช่ของมนุษย์ แต่เป็นวาฬหลังค่อมที่มีชื่อเรียกว่า "ทเวน" หลังนักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน SETI มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส และมูลนิธิปลาวาฬอะแลสกา ดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับระบบการสื่อสารของวาฬหลังค่อม โดยมีเป้าหมายที่สำคัญคือการพัฒนาตัวกรองข่าวสารสำหรับการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก ขณะทำการศึกษานักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจอย่างมากเมื่อวาฬหลังค่อมว่ายเข้ามาใกล้ และวนรอบเรือ โดยนักวิทยาศาสตร์ใช้เสียงเรียกติดต่อของวาฬหลังค่อมที่บันทึกเอาไว้และเล่นเสียงผ่านลำโพงใต้น้ำทะเล ซึ่งวาฬหลังค่อมที่ว่ายเข้ามาใกล้ได้โต้ตอบในลักษณะการสนทนาที่เป็นสัญญาณทักทายของวาฬ โดยว่ายน้ำรอบเรือเพื่อสนทนาโต้ตอบเป็นเวลา 20 นาที การทดลองครั้งนี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นการแลกเปลี่ยนการสื่อสารครั้งแรกระหว่างมนุษย์กับวาฬหลังค่อมโดยการใช้ภาษาของวาฬหลังค่อม ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยังระบุว่าวาฬหลังค่อมมีความฉลาดเป็นอย่างมาก และมีความสามารถที่หลากหลาย เช่น การมีส่วนร่วมในระบบสังคมที่ซับซ้อน การสร้างเครื่องมือต่าง ๆ เช่น อวนที่ทำจากฟองน้ำเพื่อจับปลา และสื่อสารผ่านเสียงเพลง พฤติกรรมที่พบในวาฬหลังค่อมสนับสนุนสมมติฐานที่สำคัญในการค้นหาความฉลาดจากนอกโลก เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานที่สำคัญในการค้นหาความฉลาดจากนอกโลกของนักวิทยาศาสตร์ คือ มนุษย์ต่างดาวจะสนใจที่จะติดต่อและกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้รับที่เป็นมนุษย์ ซึ่งข้อสันนิษฐานที่สำคัญนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างแน่นอนจากพฤติกรรมของวาฬหลังค่อมที่ว่ายเข้าหาและวนรอบเรือ ในอนาคตนักวิทยาศาสตร์จะทำการศึกษาโดยการใช้หลักคณิตศาสตร์ของทฤษฎีสารสนเทศเพื่อหาปริมาณความซับซ้อนในการสื่อสาร เช่น โครงสร้างที่ฝังอยู่ในข้อความที่ได้รับ และยังเตรียมการวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการสื่อสารโดยไม่ใช้เสียงของวาฬหลังค่อม โดยเน้นไปที่วงแหวนฟองสบู่ที่เกิดขึ้นต่อหน้ามนุษย์แทน ที่มาข้อมูล: earth, bbc https://www.thaipbs.or.th/now/content/1105
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
12 อุทยานฯ ปะการังฟอกขาว วิกฤตเกาะจาน-เกาะปลิง-เกาะง่ามใหญ่ พบ "ปะการังฟอกขาว" ในพื้นที่ 12 อุทยานแห่งชาติทางทะเล รุนแรงสุดฟอกขาวมากกว่า 80% ที่เกาะจานทิศตะวันตก เกาะปลิง เกาะง่ามใหญ่ บางจุดต้องประกาศปิดท่องเที่ยว ![]() กรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) แสดงความห่วงใยกับสถานการณ์ปะการังฟอกขาว พร้อมขอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้รับรายงานการสำรวจติดตามการเกิดปะการังฟอกขาวในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล ซึ่งเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมน้ำทะเลผิดปกติ เช่น น้ำทะเลร้อน มีคราบน้ำมัน มีตะกอนทับถมในปะการัง หรือปะการังผึ่งแห้งเป็นเวลานานเมื่อน้ำทะเลลงต่ำสุด จึงส่งผลให้ปะการังเกิดความเครียดสูง และทำให้ปะการังขับสาหร่ายเซลล์เดียวออกจากตัวปะการัง (สาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae)) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของปะการัง และทำให้ปะการังมีสีสัน เมื่อสูญเสียสาหร่ายดังกล่าวไป ปะการังเข้าสู่ภาวะอ่อนแอและกลายเป็นสีขาวโพลน หากเป็นเช่นนี้ติดต่อกัน 2-3 สัปดาห์ ปะการังจะตายทันที พบ "ปะการังฟอกขาว" 12 พื้นที่อุทยานฯ สำหรับพื้นที่ที่เกิดการฟอกขาวในอุทยานแห่งชาติทางทะเลมี 12 แห่ง (ข้อมูลระหว่างวันที่ 2 เม.ย.-8 พ.ค.2567) แบ่งเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอ่าวไทย 6 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง, อุทยานแห่งชาติ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด, อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด, อุทยานแห่งชาติหาดวนกร, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร และอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 6 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์, อุทยานแห่งชาติสิรินาถ, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา, อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี, อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา 6 จุด "ปะการังฟอกขาว" เกิน 50% ขณะที่พื้นที่ที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมีอัตราการฟอกขาวมากกว่า 50% ขึ้นไป มีดังนี้ อุทยานแห่งชาติหาดวนกร บริเวณเกาะจานทิศตะวันตก, อุทยานแห่งชาติสิรินาถ บริเวณเกาะปลิง (ประกาศปิดการท่องเที่ยว), อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณเกาะง่ามใหญ่ ปะการังมีการฟอกขาวในพื้นที่มากกว่า 80% ส่วนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณเกาะคราม ปะการังมีการฟอกขาวในพื้นที่มากกว่า 70 % เกาะง่ามน้อย ปะการังมีการฟอกขาวในพื้นที่มากกว่า 60% ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อแนวปะการังในขณะเกิดการฟอกขาว กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีแนวทางและมาตราการในการป้องกันการเกิดปะการังฟอกขาว คือ การประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยว เพื่อลดผลกระทบจากกิจกรรมประเภทต่าง ๆ ที่อาจเป็นการเร่งให้ปะการังเกิดการฟอกขาว ในอุทยานแห่งชาติทางทะเล จนกว่าสถานการณ์การฟอกขาวของปะการังจะคลี่คลายลง กำหนดมาตรการลดภัยคุกคาม ด้านนายชิดชนก สุขมงคล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า ปัจจุบันมหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อน กำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ El Ni?o-Southern Oscillation (ENSO) ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย (SST) และคาดการณ์ว่าจะเกิดปะการังฟอกขาวในประเทศไทย ช่วงเดือน เม.ย.-ก.ค.2567 ระดับความรุนแรงอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ สถานการณ์ปะการังฟอกขาวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พบว่ามีความรุนแรงในฝั่งอ่าวไทยมากกว่าฝั่งอันดามัน เกิดการฟอกขาวแล้วมากกว่า 50% ของพื้นที่แนวปะการังฝั่งอ่าวไทย เช่น พื้นที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะคราม จ.ชุมพร สำหรับในฝั่งอันดามันพบการฟอกขาว ไม่เกิน 20% ของพื้นที่ ส่วนใหญ่เกิดในบริเวณที่มีความลึกไม่เกิน 2 เมตร เช่น เกาะรอก จ.ตรัง ส่วนใหญ่จะพบว่าปะการังมีสีซีด ซึ่งเป็นผลกระทบจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 2 สัปดาห์ ทช.จึงได้หารือร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการป้องกันและลดภัยคุกคามจากกิจกรรมการท่องเที่ยว ประมงชายฝั่ง การทิ้งขยะลงในทะเล รวมถึงการจัดทำแนวทางการป้องกันปะการังฟอกขาว ให้หน่วยงานในพื้นที่ของ ทช. และกรมอุทยานฯ อีกทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับปะการังฟอกขาวให้แก่เครือข่ายอนุรักษ์ปะการัง กลุ่มนักดำน้ำ นักท่องเที่ยว ประชาชนในพื้นที่ ติดตั้ง Shading บังแสงให้ปะการัง ขณะที่กลุ่มวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 1 จ.ชุมพร และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ติดตั้ง Shading เพื่อช่วยในการบังแสงให้กับปะการังบริเวณเกาะง่ามน้อย ระหว่างวันที่ 7-8 พ.ค.2567 อุณหภูมิน้ำทะเลบริเวณผิวน้ำมีค่าอยู่ในช่วง 32.00-33.63 องศาเซลเซียส และบริเวณแนวปะการังมีค่าอยู่ในช่วง 31.79-32.34 องศาเซลเซียส พบว่าปะการังสีซีดและฟอกขาวเป็นบางส่วน https://www.thaipbs.or.th/news/content/339860
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
สั่งปิดอุทยานฯ 12 แห่ง เฝ้าระวัง "ปะการังฟอกขาว" สัญญาญเตือนหายนะทะเลไทย! ![]() ขณะนี้ อุทยานแห่งชาติกว่า 12 แห่ง ปิดพื้นที่ชั่วคราว เลี่ยงทุกกิจกรรม พร้อมสั่งเฝ้าระวังปะการังฟอกขาวอย่างใกล้ชิด สปริงพาไปอัปเดตสถานการณ์ปะการังไทย อันดามัน อ่าวไทย ระส่ำแค่ไหน แล้วมีการช่วยเหลือยังไงบ้าง หลังจากที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับ ทช. ให้ติดตาม ?ปัญหาปะการังฟอกขาว? ของทั้งอ่าวไทยและอันดามัน พบว่าสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในทะเลไทยทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยอุณหภูมิน้ำทะเลที่เดือดพุ่งทะลุ 32 องศา ส่งผลให้ปะการังไทยเสียอย่างหนักจากการฟอกขาว ล่าสุด อุทยานแห่งชาติกว่า 12 แห่ง ได้สั่งปิดพื้นที่เพื่อเฝ้าระวัง พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลิสต์อุทยานฯ ทั้ง 12 แห่งไว้ดังนี้ (ข้อมูลระหว่างวันที่ 2 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2567) 1. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง 2. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด 3. อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด 4. อุทยานแห่งชาติหาดวนกร 5. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร 6. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ 7. อุทยานแห่งชาติสิรินาถ 8. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 9. อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี 10. อุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี 11. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา 12. อุทยานแห่งชาติหอดขนอม - หมู่เกาะทะเลใต้ อย่างไรก็ดี มี 3 อุทยานฯ ในลิสต์ด้านบนที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากได้รับการยืนยันแล้วว่าเกิดปะการังฟอกขาวมากกว่า 50% ของพื้นที่ 1. อุทยานแห่งชาติหาดวนกร บริเวณเกาะจานทิศตะวันตก ปะการังมีการฟอกขาวในพื้นที่มากกว่า 80% 2. อุทยานแห่งชาติสิรินาถ บริเวณเกาะปลิง ปะการังมีการฟอกขาวในพื้นที่มากกว่า 80% 3. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โดยมี 3 เกาะที่เกิดปะการังฟอกขาวหนัก ได้แก่ เกาะคราม มากกว่า 70 %, เกาะง่ามน้อย มากกว่า 60%, เกาะง่ามใหญ่ มากกว่า 80% ก่อนหน้านี้ ผศ.ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้แชร์เรื่องราวผ่านเฟซบุ๊ค Thon Thamrongnawasawat ถึงกรณีปะการังฟอกขาว โดยระบุว่า "ผมเกลียดโลกร้อน เกลียดๆๆๆๆ โลกร้อนมันทำให้เรารู้สึกหมดหนทาง มันทำลายฝัน มันทำให้รู้สึกไปต่อไม่ได้ มันทำให้ปะการังที่เฝ้าดูแลมาหลายปี ถึงคราวใกล้อวสาน" ขณะที่ นายสิรณัฐ สก๊อต หรือ "ทราย สก๊อต" นักอนุรักษ์ทางทะเลชื่อดัง ก็ได้เผยภาพที่ตนไปดำน้ำสำรวจสถานกาณณ์ปะการังฟอกขาวที่เกาะลันตา จ.กระบี่ โดยเปิดเผยว่า น่าจะเกิดการฟอกขาวไปแล้ว 25% นอกจากนี้ ยังมีเกาะอีกหลายแห่งที่สุ่มเสี่ยงจะเกิดการฟอกขาวในเร็ว ๆ นี้ เช่น เกาะไก่ เกาะรอก เกาะห้า เกาะห้อง ชุมพร กางสแลกนกันความร้อน กู้วิกฤตปะการัง ฝั่งอันดามันเรียกได้ว่าเดือดไม่แพ้กัน แนวปะการังในอุทยานแห่งชาติชุมพร ซึ่งกินพื้นที่ราว 20 ไร่ ถูกรายงานว่า เกิดปะการังฟอกขาวแล้ว 80% ในระดับความลึก 8 - 9 เมตร ด้วยเหตุนี้ ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลชุมพร จึงร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งกลุ่มวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อกางสแลนทำหลังคากันความร้อนให้กับแนวปะการัง อย่างไรก็ดี สถานการณ์ปะการังฟอกขาวยังคงต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด และหลายฝ่ายก็พยายามปกป้องแนวปะการังอย่างเต็มที่ ด้วยสารพัดวิธี แต่ก็คาดเดาไม่ได้อีกเช่นกันว่า ทะเลจะเลิกเดือดเมื่อไร แล้วกว่าจะถึงวันนั้น แนวปะการังจะทนไหวหรือไม่ ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, Thon Thamrongnawasawat, Psi Scott ? ทราย สก๊อต - Merman มนุษย์เงือก https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/850193
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|