![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
แม่น้ำที่อุ่นขึ้นกำลังจะทำให้อลาสกาสูญเสีย "ปลาแซลมอน" SHORT CUT - แซลมอนเป็นปลาที่ความรู้สึกไว เมื่อน้ำอุ่นขึ้นทำให้มันเครียดจากความร้อนและกำลังจะตาย - แซลมอลบางส่วนที่อพยพไปหาแหล่งน้ำแห่งใหม่ที่เย็นกว่า แต่มีความเสี่ยงที่จะถูกนักล่ากิน - การลดลงของแซลมอน กำลังจะทำให้ชนเผ่าพื้นเมืองขาดแคลนอาหารเช่นกัน ![]() แม่น้ำที่อุ่นขึ้นและการทำประมงที่มากเกินไป กำลังจะทำให้ชาวอลาสก้าพื้นเมืองเผชิญกับการขาดแคลนปลาแซลมอน เมื่อพวกมันอาจต้องเสี่ยงอพยพ หรือดิ้นรนเอาชีวิตรอดในแหล่งน้ำที่เสื่อมโทรม ปลาแซลมอนจากอลาสกาที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก กำลังเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคลื่นความร้อนในมหาสมุทร ทำให้อุณหภูมิในแม่น้ำของอลาสก้าซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปลาแซลมอนแปซิฟิกถึง 5 สายพันธุ์กำลังเพิ่มสูงขึ้น ฝูงปลาแซลมอนบางส่วนถูกบังคับให้อพยพไปหาแหล่งน้ำที่อุณหภูมิเย็นกว่า และบางส่วนต้องดิ้นรนอยู่ที่เดิมท่ามกลางความเสี่ยงที่จะไม่รอดชีวิตและไม่สามารถขยายพันธุ์ได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชนเผ่าพื้นเมืองที่มีมานานนับพันปี แม้ว่าปลาแซลมอนแต่ละสายพันธุ์จะมีลักษณะและวงจรชีวิตที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่พวกมันทั้งหมดเกิดในน้ำจืดและใช้เวลาอยู่ที่นั่น ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่มหาสมุทรเพื่อหาทรัพยากรที่ดีกว่าสำหรับการและเติบโต เมื่อเข้าสู่ช่วงขยายพันธุ์ก็จะกลับมาวางไข่บริเวณน้ำจืดที่เดิมอีกครั้ง ปีเตอร์ เวสต์ลีย์ รองศาสตราจารย์ด้านการประมงจากมหาวิทยาลัยอลาสกาแฟร์แบงค์ (Alaska Fairbanks) กล่าวว่า แม่น้ำแต่ละสายมีปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น อุณหภูมิ ปริมาณน้ำ ไปจนถึงขนาดของหินและซอกหิน ปลาแซลมอนที่เกิดที่นั่นและรอดมาได้จึงต้องกลับมาขยายพันธุ์ที่เดิม เพราะมีลักษณะที่คุ้นชิน ทำให้พวกมันดำรงชีวิตได้ดีและมีโอกาสรอด แต่แซลมอนเป็นปลาที่ความรู้สึกไวต่ออุณหภูมิ เมื่อน้ำอุ่นขึ้นทำให้ปลาแซลมอนต้องดิ้นรนกับความเครียดจากความร้อนและกำลังจะตาย นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีแซลมอลบางส่วนที่อพยพไปหาแหล่งน้ำแห่งใหม่ที่เย็นกว่า โดยเฉพาะบริเวณแม่น้ำอาร์กติกที่พบปลาแซลมอนไปวางไข่มากขึ้น แต่การอพยพย้ายถิ่นมีค่าใช้จ่ายสูง มีความเสี่ยงที่จะถูกนักล่ากิน ทั้งยังสูญเสียพลังงานจากการว่ายน้ำเป็นระยะทางไกลจนอาจตายจากความเหนื่อยล้า ดังนั้น ไม่ว่าจะอพยพหรือทนอยู่ที่เดิม ก็ล้วนส่งผลให้แซลมอนมีจำนวนประชากรลดลงในเวลาอันรวดเร็ว หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากการลดลงของปลาแซลมอนมากที่สุดคือบริเวณริมแม่น้ำยูคอน ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่ใหญ่ที่สุดของอลาสกา มีต้นกำเนิดจากภูเขาชายฝั่งของแคนาดา และไหลเป็นระยะทาง 3,184 กม. และมีการประมงเชิงพาณิชย์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่คุกคามจำนวนประชากรของแซลมอน ขณะที่ชนเผ่าพื้นเมืองในบริเวณนั้นก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง พวกเขามองแซลมอนในฐานะเพื่อนบ้าน เป็นทั้งบรรพบุรุษและลูกหลานที่เติบโตมาพร้อมกัน พวกเขาเคยกินแซลมอนเป็นอาหารด้วยความเคารพต่อธรรมชาติ แต่ปัจจุบันเมื่อเกิดการขาดแคลนแซลมอน นั่นเท่ากับการขาดแคลนอาหารของพวกเขาด้วย ผู้นำชนเผ่าอลาสกาจึงรวมตัวกันเพื่อประณามเรือลากอวนอุตสาหกรรม ซึ่งโยนอวนขนาดใหญ่ลงทะเล ดักจับปลาแซลมอนขณะที่พวกมันยังอยู่ในมหาสมุทร ขัดขวางการอพยพกลับไปยังแม่น้ำบ้านเกิดอย่างที่ควรจะเป็น นอกจากภัยคุกคามจากเรือลากอวนแล้ว ปลาแซลมอนธรรมชาติยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นเพื่อแย่งชิงอาหารในมหาสมุทร เนื่องจากมีปลาแซลมอนในโรงเพาะฟักจำนวนมากที่เพาะเลี้ยงโดยชาวประมงซึ่งจะมีการปล่อยลูกปลาแซลมอน ประมาณ 900 ล้านตัว ในทุก ๆ ปี อย่างไรก็ตาม ชาวพื้นเมืองยังเชื่อว่าประชากรปลาแซลมอนธรรมชาติยังสามารถฟื้นตัวได้อีกครั้ง แต่พวกเขาจำเป็นต้องปกป้องแหล่งน้ำที่อยู่อาศัยทุกที่ที่เป็นไปได้ เพื่อให้ปลาแซลมอนมีบ้านให้กลับมา และสามารถขยายพันธุ์ต่อไปได้ ที่มา: BBC https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852059
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
"นักฆ่าเงียบ" อากาศร้อนที่คร่าชีวิตชาวยุโรปแล้ว 50,000 รายในปีเดียว SHORT CUT - อากาศร้อนที่เกิดจากมลพิษคาร์บอน คร่าชีวิตผู้คนในยุโรปไปเกือบ 50,000 รายเมื่อปีที่แล้ว - ความพยายามของผู้คนในการปรับตัวกับความร้อนช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ แต่ก็ยังเป็นอัตราการเสียชีวิตที่มากเกินไป - แพทย์แนะนำให้ทุกคนดูแลตัวเองเบื้องต้น หลีกเลี่ยงการเผชิญความร้อน ![]() อากาศร้อนในยุโรปได้ถูกแพทย์นิยามให้เป็น "นักฆ่าเงียบ" หลังมีคนต้องเสียชีวิตเกือบ 50,000 ราย ในปี 2566 ซึ่งเป็นอัตราการเสียชีวิตที่ร้ายแรงเกินกว่าที่มีการคาดการณ์ นักวิจัยพบว่า อากาศร้อนอบอ้าวที่เกิดจากมลพิษคาร์บอน ได้คร่าชีวิตผู้คนในยุโรปไปเกือบ 50,000 รายเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ทวีปยุโรปกำลังร้อนขึ้นในอัตราที่รวดเร็วกว่าทวีปอื่นของโลกถึงสองเท่า ทำให้เกิดไฟป่าลุกลามในป่านอกกรุงเอเธนส์ของกรีซ ฝรั่งเศสต้องออกคำเตือนถึงอากาศที่ร้อนมากเกินไปสำหรับการออกกลางแจ้ง และสหราชอาณาจักรก็ต้องรับมือกับวันที่ร้อนที่สุดของปี ผลการวิจัยยังพบว่า ความพยายามในการปรับตัวทางสังคมเพื่อรับมือกับคลื่นความร้อนนั้นเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ เพราะหากผู้คนไม่ปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิที่สูงขึ้นในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ตัวเลขการเสียชีวิตดังกล่าวอาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างน้อยอีก 80% อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิตก็ยังนับว่าสูงจนเกินไป โดยอัตราการเสียชีวิตสูงสุดอยู่ที่กรีซ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 393 ราย ต่อประชากร 1 ล้านคน ตามมาด้วยอิตาลีที่ 209 รายต่อ 1 ล้านคน และสเปน 175 รายต่อ 1 ล้านคน ดร.ซานติ ดี. ปิเอโตร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉินที่มหาวิทยาลัยปาเวีย กล่าวว่า ตอนนี้ทีมแพทย์ต้องรักษาผู้ป่วยจำนวนมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงฤดูไข้หวัดใหญ่เมื่อต้นเดือนมกราคม พร้อมย้ำว่า ปัญหาความร้อนจะต้องได้รับการแก้ไขในทุกระดับ ส่วนผู้คนก็สามารถใช้มาตรการง่ายๆเพื่อปกป้องตนเองและคนที่พวกเขารักได้ เช่น การหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน หาที่ร่มเมื่ออยู่ข้างนอก และดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีภาวะขาดน้ำ เพราะพวกเขาไม่รู้ถึงความกระหาย จึงควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ที่มา: The Guardian https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852076
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|