สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2567

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ชายหาดญี่ปุ่นเตือน? โลมาทำร้ายคนปีนี้เจ็บ 18? รายแล้ว


ภาพนิ่งจากวิดีโอที่ให้มาแสดงให้เห็นโลมาที่ปรากฏตัวที่ชายหาดชิรากิ ในเมืองสึรุงะ จังหวัดฟูกุอิ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.2567 (ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้บันทึก) (เกียวโด)

เกียว?โด?นิวส์? (26? ส.ค.)? พบโลมาทำร้ายคนที่ชายหาดในจังหวัดทางตอนกลางของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2565 โดยผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า? โลมาปากขวดในอินโดแปซิฟิกอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงขึ้น

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บถูกโลมาทำร้ายรายที่? 18? ที่ชายหาดในจังหวัดฟุคุอิ ในจำนวนนั้นรวมถึงนักเรียนชั้นประถมศึกษาคนหนึ่งที่ต้องเย็บนิ้ว 20 ถึง 30 เข็ม และใช้เวลารักษานานหนึ่งเดือน ตามการระบุของสำนักงานยามชายฝั่งสึรุกะ

จำนวนเหตุการณ์โลมาทำร้ายคนในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับ 2 ปีล่าสุด โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 1 คนในปี 2565 และ 5 คนในปี 2566 ตามการระบุของหน่วยยามฝั่ง

เมื่อวันอังคาร ชายคนหนึ่งในวัย 50 ปีได้รับบาดเจ็บจากการถูกโลมากัดที่มือทั้งสองข้างขณะว่ายน้ำนอกเกาะมิซูชิมะในเมืองสึรุกะ นับเป็นวันที่สองติดต่อกันที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ชายหาดแห่งนั้น

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ชายคนหนึ่งในวัย 40 ปีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยหลังจากถูกกัดที่นิ้วหัวแม่มือขวาและเท้าซ้ายที่ชายหาดชิรากิ ในเมืองสึรุกะ เช่นกัน

ทาดามิชิ โมริซากะ ศาสตราจารย์ด้านสัตววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยมิเอะ กล่าวว่าลักษณะครีบหลังของโลมาที่พบในชายหาดเดียวกันเมื่อไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุนั้น? ตรงกับลักษณะครีบหลังของโลมาความยาว 2.5 เมตรที่พบนอกชายฝั่งจังหวัดฟุคุอิ ปีที่แล้ว

"โลมาอาจจะมาที่ชายหาดซึ่งมีคนลงเล่นน้ำ" โมริซากะกล่าว

แม้ว่าโลมาในอะควาเรียมสวนน้ำมักจะมีความผูกพันกับมนุษย์ แต่การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนบ่อยครั้งอาจทำให้พวกมันพยายามแสดงอำนาจเหนือกว่าผ่านพฤติกรรม เช่น การกัดและการชน โมริซากิกล่าว พร้อมเสริมว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนควร "ถอยห่างจากโลมาทันที"

เรียวอิจิ มัตสึบาระ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเอจิเซ็น มัตสึชิมะ ในเมืองซาไก จังหวัดฟูกุอิ เตือนว่าเนื่องจากโลมาบางตัวมีขนาดใหญ่โตกว่าหมี "การสัมผัสจับตัวพวกมันอาจเป็นอันตรายได้ หากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงอาจสายเกินไปที่จะป้องกันตัว"

โดยทั่วไปแล้วการจับต้องตัวโลมาเป็นสิ่งต้องห้ามภายใต้กฎระเบียบของรัฐบาล ขณะที่เจ้าหน้าที่จังหวัดฟุคุอิกล่าวว่าขณะนี้พวกเขาไม่มีแผนที่จะดำเนินการในกรณีนี้

ชายหาดบางแห่งได้เริ่มติดตั้งอุปกรณ์ที่ปล่อยคลื่นอัลตราโซนิกเพื่อปัองกันยับยั้ง ในขณะที่ผู้เล่นน้ำได้รับคำเตือนให้ขึ้นจากน้ำทันทีหากพบปลาโลมาว่ายชายหาด


https://mgronline.com/japan/detail/9...78695?tbref=hp

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


เรือโจมตีเร็วมาเลเซีย KD Pendekar ติดมิสไซล์จมใกล้ "สิงคโปร์" วันอาทิตย์ ชนใต้น้ำ "39 ทหารเรือมาเลย์" ช่วยออกมาได้ปลอดภัย



เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - เรือโจมตีเร็วมาเลเซีย KD Pendekar พร้อมมิสไซล์และอาวุธปืนประสบปัญหาน้ำท่วมเข้าห้องเครื่องก่อนที่จะไหลท่วมจมลงทั้งลำราว 15.54 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันอาทิตย์(25 ส.ค) ห่างจากสิงคโปร์ใช้เวลาไม่ถึง 4 ช.มหายไปกลางทะเลจีนใต้ ทหารเรือ 39 นายถูกช่วยชีวิตได้อย่างปลอดภัย

นิวสวีคของสหรัฐฯรายงานวันนี้(26 ส.ค)ว่า เรือรบโจมตีเร็วมาเลเซีย KD Pendekar จมทั้งลำเรือในทะเลจีนใต้ห่างออกไปในทิศตะวันออกเฉียงใต้จากฝั่ง Tanjung Penyusop รัฐยะโฮร์ราว 2 ไมล์ทะเล

ซึ่งทะเลจีนใต้นี้ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดร้อนและถูกจีนประกาศครอบครองเกือบทั้งหมดโดยมีประเทศคู่พิพาทได้แก่ไต้หวัน ญี่ปุ่น มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย

อ้างอิงจากวิกีพีเดียพบว่าทะเลจีนใต้อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกมีพื้นที่กว้างใหญ่ 3,500,000 ตารางกิโลเมตรและเชื่อมทะเลจีนตะวันออกผ่านทางช่องแคบไต้หวัน เชื่อมทะเลฟิลิปปินส์ผ่านทางช่องแคบลูซอน ทะเลซูลูผ่านทางช่องแคบหมู่เกาะหมู่เกาะปาลาวัน และทะเลชะวาผ่านทางช่องแคบกาลีมาตา( Karimata Strait)และช่องแคบบังกา (Bangka Strait) อ่าวไทยและอ่าวตงกิง (Tonkin) เป็นส่วนหนึ่งของทะเลจีนใต้

หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า เรือรบแดนเสือเหลืองจมใกล้สิงคโปร์หลังชนอุปสรรคใต้น้ำ และได้มีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเพื่อสอบสวนสาเหตุการรั่วของเรือ และทีมสังเกตสิ่งแวดล้อมถูกส่งไปยังจุดที่เกิดเหตุ

และเนื่องจากเป็นสถานการณ์ร้ายแรง กองทัพแดนเสือเหลืองประกาศเตือนสาธารณะห้ามคาดเดาไปต่างๆนานา และสามารถเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับจากรัฐบาลเท่านั้นเพื่อป้องกันการสับสน

เรือรบจมทั้งลำในเวลา 15.54 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันอาทิตย์(25 ส.ค) กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวผ่านแถลงการณ์ พร้อมเสริมว่า เรือรบอายุเก่าแก่เกือบ 50 ปีนี้จมลงไปพร้อมกับมิสไซล์และอาวุธปืน

กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวต่อว่า ปฎิบัติการกู้ภัยประสบความสำเร็จสามารถช่วยชีวิตลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 นายและไม่มีรายงานการบาดเจ็บ

และในภายหลังลูกเรือเหล่านี้ถูกส่งไปยังฐานทัพเรือ KD Sultan Ismail ของมาเลเซียใน Tanjung Pengelih รัฐยะโฮร์ต่อไป

หนังสือพิมพ์ฮ่องกงรายงานว่า เรือรบ KD Pendekar ของมาเลเซีย เป็นเรือประเภทโจมตีเร็วชั้น Handalan เข้าประจำการเมื่อวันที่ 27 ก.ค ปี 1979 เป็น 1 ใน 4 ลำของเรือทั้งหมดในชั้นนี้ที่ถูกต่อโดยบริษัท Kalskrona Varvet ของสวีเดน

เรือรบยาว 43.6 ม.และมาพร้อมปืนหลัก Bofors 57mm และปืนรอง 40mm และมิสไซล์ Exocet สำหรับต่อต้านเรือ

โดยในช่วงเกิดเหตุ KD Pendekar กำลังอยู่ในปฎิบัติการตามมอบหมาย

น้ำเริ่มไหลเข้ามาครั้งแรกถูกพบในห้องเครื่องยนต์ของเรือที่แพร่ออกไปอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมไว้ได้ ความพยายามของลูกเรือในการควบคุมการรั่วและทำให้เรือมีเสถียรภาพนั้นไม่ประสบความสำเร็จ


https://mgronline.com/around/detail/9670000078940