สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 11 มกราคม 2565

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่อีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ในวันนี้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง โดยอุณหภูมิลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า ภาคกลางและภาคตะวันออกมีอากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภู มีอากาศหนาวถึงหนาวจัด โดยบริเวณยอดดอย อุณหภูมิต่ำสุด 4-14 องศาเซลเซียส และบริเวณยอดภู อุณหภูมิต่ำสุด 7-15 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ยังคงมีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 11 ? 13 ม.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศหนาวเย็น โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศเย็นในตอนเช้า บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-15 องศาเซลเซียส และบริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส

ส่วนในช่วงวันที่ 14 ? 16 ม.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออก ประกอบกับในช่วงวันที่ 13 - 16 ม.ค. 64 จะมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนในช่วงวันที่ 10 ? 11 ม.ค. 65 ทำให้มีฝนน้อย ส่วนในช่วง12 ? 16 ม.ค. 65มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้นส่วนมากทางตอนล่างของภาค และคลื่นลมมีกำลังแรงขึ้น


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 13 ? 16 ม.ค. 65 ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือระมัดระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย ในช่วงวันที่ 10 - 11 และ 15 - 16 ม.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ในช่วงวันที่ 12 ? 16 ม.ค. 65 ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าท่าเร่งขจัดคราบน้ำมัน เรือปริศนาจมที่สุราษฎร์ธานี ?อธิรัฐ?สั่งประสานเจ้าของเร่งกู้เรือ



"อธิรัฐ" สั่งกรมเจ้าท่าเร่งขจัดคราบน้ำมัน เรือปริศนาจมที่สุราษฎร์ธานี พร้อมออกประกาศเตือนและวางทุ่นดูแลความปลอดภัยในการเดินเรือ สั่งเร่งประสานเจ้าของเรือ กู้เรือจมภายใน 15 วัน

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีพบเรือสินค้าขนาดใหญ่ไม่ปรากฏสัญชาติ ลอยลำเข้ามาในเขตน่านน้ำพื้นที่ทะเลอ่าวไทย เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบพบว่าเรืออยู่ในสภาพเก่า มีรอยรั่วและน้ำไหลเข้าตัวเรือ ไม่พบผู้ใดอยู่บนเรือลำดังกล่าว และไม่มีเอกสารที่แสดงได้ว่าเป็นเรือสัญชาติใด เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำออกจากตัวเรือ เพื่อทำการลากจูงเรือเข้าฝั่งมาตรวจสอบ แล้วล่าสุดเมื่อช่วงค่ำของคืนวันที่ 8 ม.ค. 2565 ด้วยสภาพความชำรุดเรือได้จมลงใต้ทะเลที่ความลึก 30 เมตร โดยจุดดังกล่าวอยู่ห่างจาก อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ประมาณ 28 ไมล์ทะเลซึ่งเบื้องต้นไม่กระทบต่อการเดินเรือ

ทั้งนี้ มีการตรวจพบคราบน้ำมัน ที่คาดว่าเป็นน้ำมันที่อยู่ในห้องเครื่อง จึงได้ประสานภาคเอกชน ร่วมกันเร่งสกัดคราบน้ำมัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อมทางทะเล



นายอธิรัฐกล่าวว่า ตนได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าโดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสุราษฎร์ธานี ดำเนินการ ออกประกาศให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือ พร้อมกับ วางทุ่นเครื่องให้ชาวเรือเห็นทั้งเวลากลางวันและกลางคืนเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ โดยได้ออกประกาศแจ้งให้เจ้าของเรือกู้เรือภายใน 15 วัน และเร่งประสานประเทศเจ้าของเรือ เพื่อเตรียมพร้อมแผนการกู้เรือหากครบกำหนดระยะเวลา 15 วัน ตามประกาศ อย่างไรก็ตาม ให้รายงานความคืบหน้าให้ทราบจนกว่าจะจบภารกิจ


https://mgronline.com/business/detail/9650000002682

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


ทำไมเราจึงอยู่ใน "ยุคแห่งเกาะเทียม"


ที่มาของภาพ,ALAMY

เรากำลังสร้างเกาะเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เราได้สำรวจผลที่เกิดจากความพยายามของมนุษย์ในการสร้างอาณานิคมในทะเลสาบและมหาสมุทรด้วยการสร้างผืนดินขึ้นมาใหม่ผ่านชุดภาพถ่ายที่ชื่อว่าแอนโทรโป-ซีน (Anthropo-Scene)

หลายร้อยปีก่อน ชาวเลาแห่งหมู่เกาะโซโลมอนได้สร้างเกาะเทียมขึ้นในลากูนแห่งหนึ่งราว 80 แห่ง โดยนำปะการังและหินทิ้งลงไปในทะเลทีละชิ้นซึ่งต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการสร้าง

ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์ได้พยายามที่จะสร้างแผ่นดินที่แห้งขึ้นมาในทะเลสาบ แม่น้ำ และมหาสมุทรต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย แต่ในศตวรรษที่ 21 ได้มีความทะเยอทะยานมากยิ่งขึ้นไปอีกในความพยายามนี้

เรากำลังอาศัยอยู่ใน "ยุคแห่งเกาะ" อลาสแตร์ บอนเน็ตต์ นักภูมิศาสตร์สังคมจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล สหราชอาณาจักร กล่าว "เกาะใหม่เหล่านี้กำลังถูกสร้างขึ้นด้วยจำนวนและขนาดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน"

เกาะยุคใหม่นี้มีความใหญ่โตและเด่นชัดมากขึ้น และอาจจะสร้างความเสียหายมากกว่าเกาะที่บรรพบุรษของเราได้เคยสร้างไว้ด้วย บอนเน็ตต์เขียนไว้ในหนังสือของเขาเรื่อง Elsewhere: A Journey Into Our Age Of Islands

นักภูมิศาสตร์ผู้นี้ได้เดินทางเยือนเกาะที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์หลายแห่งทั่วโลก สำรวจการก่อสร้างต่าง ๆ หมู่เกาะเทียมขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นโดยการถมทรายหลายล้านตันลงในทะเล แนวปะการังรูปวงแหวน "แฟรงเกนสไตน์" ที่ฉาบด้วยคอนกรีต ซึ่งออกแบบมาเพื่อผนึกกำลังทางการเมืองและการทหาร แท่นขุดเจาะน้ำมันที่ตั้งอยู่บนเสาที่ลึกหลายร้อยเมตรลงไปยังก้นทะเล

เกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นมักจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่โดยรอบ "เกาะเทียมทุกแห่งมักจะเป็นเขตมรณะ การพยายามทำให้พวกมันมีชีวิตอีกครั้งเป็นงานที่ยากลำบาก" บอนเน็ตต์เขียนไว้ในหนังสือของเขา ในสถานที่ต่าง ๆ อย่าง ทะเลจีนใต้ "ปะการังที่ไม่เคยไม่ถูกแตะต้องและบริสุทธิ์...ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ถูกถมด้วยคอนกรีต"

อย่างไรก็ตาม บอนเน็ตต์พบว่า ตัวเขาเองสนใจการสร้างเกาะเทียมเหล่านี้ เพื่อพยายามเข้าใจวิธีการและเหตุผลในการสร้างพวกมันขึ้นมา ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยกับมันหรือไม่ พวกมันจะบอกเล่าเรื่องราวของมนุษยชาติในช่วงเริ่มต้นของยุคแอนโทรโปซีน (Anthropocene) ซึ่งหมายถึงยุคธรณีวิทยาในปัจจุบันที่การกระทำของมนุษย์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศอย่างมาก


https://www.bbc.com/thai/international-59928563