เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 28-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฏาคม 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ประเทศไทย และทะเลอันดามัน ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนล่าง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 28 ? 29 ก.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 30 ก.ค. ? 2 ส.ค. 65 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบน ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 30 ก.ค. ? 2 ส.ค. 65 ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเพิ่มความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 28-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สุดงง นักวิทย์สหรัฐฯ ยังหาคำตอบไม่ได้ เจอรูปริศนาก้นมหาสมุทร

นักวิทย์ NOAA ของสหรัฐฯ ยังหาคำตอบไม่ได้ เจอรูปริศนาเรียงกันเป็นแถวใต้ก้นมหาสมุทรเกิดขึ้นมาได้อย่างไร โพสต์เฟซบุ๊กถามความเห็น ได้คำตอบหลากหลาย มีทั้งอาจขุดโดยเครื่องจักร ไปจนถึงฝีมือเอเลี่ยน

เมื่อ 27 ก.ค. 65 เดลี่เมลรายงาน ทีมนักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ของสหรัฐฯ พบรูปริศนาจำนวนหนึ่งซึ่งไม่อาจอธิบายได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ที่บริเวณก้นมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งลึกจากผิวน้ำประมาณ 1.7 ไมล์ หรือประมาณ 2.73 กิโลเมตร โดยทีมนักวิทย์ NOAA ได้ตั้งคำถามกับบรรดาผู้ใช้งานทางเฟซบุ๊กให้ช่วยอธิบายหาคำตอบเกี่ยวกับรูปริศนาที่มีลักษณะทำให้เป็นจักๆ อย่างเป็นระเบียบเหล่านี้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

'เมื่อวันเสาร์ จากการส่งหุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำ Okenos พวกเราได้สังเกตเห็นรูหลายรูอยู่ที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานพบรูเหล่านี้แล้ว แต่ต้นกำเนิดของรูเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนา ในขณะที่รูเหล่านี้ดูเหมือนเป็นรูที่มนุษย์ทำขึ้น แต่กองทรายรอบๆ รูดูเหมือนพวกมันถูกขุดขึ้นมาด้วยอะไรบางอย่าง

'สมมติฐานของคุณคืออะไร?' ทีมนักสำรวจ NOAA ถามผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับรูปริศนาที่พบใกล้เทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก โดยมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกว่า 60 คน ซึ่งได้ตั้งทฤษฎีสมมติฐานที่ทำให้เกิดรูเหล่านี้แตกต่างกันไป โดยบางคนก็คิดว่า 'อาจมีบริษัทหนึ่งมาทำการสำรวจเก็บตัวอย่างใต้มหาสมุทรแอตแลนติกก็เป็นได้' ขณะที่บางคนก็คิดว่า 'อาจเป็นปูที่ขุดรูเหล่านี้' และมีบางคนคอมเมนต์ว่า 'ไม่ได้บอกว่าเป็นเอเลี่ยน แต่มันคือเอเลี่ยน'

ทั้งนี้ นักสำรวจเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Voyage to the Ridge 2022 ของ NOAA ซึ่งเป็นการสำรวจแบบเป็นซีรีส์ 3 มหาสมุทรบนโลก รวมทั้งการทำแผนที่ และมีการส่งยานสำรวจใต้น้ำเพื่อที่จะสามารถเข้าใจได้มากขึ้นเกี่ยวกับบริเวณน้ำลึกรอบๆ เทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก

เทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก (Mid-Atlantic Range) คือ ตัวอย่างของแนวเปลือกโลกแยกตัว ซึ่งเทือกเขานี้มีความสูงมากเมื่อเทียบกับพื้นมหาสมุทรรอบข้าง โดยเทือกเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติกครอบคลุมความยาวเหนือ-ใต้ของมหาสมุทรแอตแลนติก และทอดยาวเป็นระยะทางนับ 1,000 ไมล์ จึงทำให้เป็นเทือกเขายาวที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในเทือกเขาที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่น่าประทับใจมากที่สุดของโลก


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2457007
รูปขนาดเล็ก
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name:	650728_Thairath_01.jpg
Views:	0
Size:	49.8 KB
ID:	22195  
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 28-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


"ก๊าซเรือนกระจก" แก้เท่าไหร่ก็ไม่จบสิ้นจริงหรือ ?

เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ไม่แน่ใจนัก ที่จู่ๆ ในรอบเดือนที่ผ่านมา ผู้นำประเทศสองประเทศพูดถึง "ก๊าซเรือนกระจก" ในระยะเวลาใกล้ๆ กันแบบไม่ได้นัดหมาย ประเทศแรกคือ นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งนิวซีแลนด์ ดันกฎหมายเก็บภาษีมลพิษจากปศุสัตว์สำเร็จเป็นที่แรกของโลก โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นิวซีแลนด์มีประชากรแกะ 26 ล้านตัว วัว 10 ล้านตัว แต่เชื่อหรือไม่ว่า ผลสำรวจพบว่า มูลที่สัตว์ปล่อยออกมา รวมถึงทุกๆ การ "เรอ" และการ "ตด" ของวัวและแกะในนิวซีแลนด์ สามาถทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และได้ส่งผลกระทบไปยังปัญหา Climate change หรือ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศด้วย

ถัดมาไม่นาน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ย้ำทุกหน่วยงานว่าต้องเตรียมความพร้อมที่จะเติบโตด้วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั้งเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับอุตสาหกรรม การค้า การลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับการลดปริมาณคาร์บอน เพื่อให้เป็นไปตามที่ประเทศไทยได้ประกาศกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) ในการประชุมสุดยอดผู้นำเวทีโลกใน COP26 โดยมีเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 (ค.ศ. 2050) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2608 (ค.ศ. 2065)

ปัญหา "ก๊าซเรือนกระจก" ไม่เคยถูกลืม และเป็นสิ่งที่ผู้นำประเทศหลายๆ ประเทศตระหนักอยู่เสมอ เพียงแต่วิธีการแก้ปัญหาของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันออกไป บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานของประเทศ ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ จึงขอพาท่านสำรวจตรวจสอบปัญหา ?ก๊าซเรือนกระจก? ในประเทศไทย ว่าหนักหน่วงมากเพียงใด แล้วเราจะมีส่วนช่วยเหลือเพื่อบรรเทาปัญหานี้ได้อย่างไรบ้าง


ทำความเข้าใจกับก๊าซเรือนกระจกอีกครั้ง

จริงๆ ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas : GHGs) ไม่ใช่ของใหม่ มันเป็นก๊าซที่มีอยู่บนโลกใบนี้มานับล้านๆ ปี เพียงแต่ ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ปริมาณของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรมจวบจนปัจจุบัน ก๊าซเรือนกระจกกำลังส่งผลโดยตรงต่อสภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรง โดยก๊าซเรือนกระจกนี้ เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติในการกักเก็บและดูดซับคลื่นรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์เอาไว้ ดังนั้นก๊าซเหล่านี้ถ้ามีในปริมาณที่พอเหมาะ จะเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกเป็นอย่างมาก โดยในภาวะปกติดวงอาทิตย์จะแผ่รังสีเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกในลักษณะของรังสีคลื่นสั้นและสะท้อนกลับขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศในลักษณะของรังสีคลื่นยาว หรือรังสีอินฟราเรด พลังงานความร้อนบางส่วนจะถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ดูดซับไว้ ส่งผลให้อุณหภูมิของโลกอยู่ในระดับที่พอเหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ต่างจากดาวศุกร์ที่มีก๊าซเรือนกระจกหนาแน่นมากจนทำให้มีอุณหภูมิร้อนเกินไปและมนุษย์อาศัยอยู่ไม่ได้ แล้วเราจะปล่อยให้โลกของเราเป็นแบบดาวศุกร์หรือ ?

ปัจจุบันก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศของโลกมีปริมาณมากเกินไป จนทำให้โลกร้อนขึ้น และเกิดภาวะโลกร้อน (Global Warming) นั่นเอง โดยก๊าซเรือนกระจกเกิดขึ้นได้จาก 2 ส่วน คือ (1) เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และ (2) เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การขุดพลังงานฟอสซิล อย่างน้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติมาใช้ ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ การเปลี่ยนพื้นที่ป่าให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม และสร้างที่อยู่อาศัย ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้คาร์บอนที่สะสมอยู่ในเนื้อไม้ ในราก ในดิน ถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ด้วย

สำหรับก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นบนโลกนี้มีทั้ง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ก๊าซไนตรัสออกไซด์ กลุ่มก๊าซไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน กลุ่มก๊าซเปอร์ฟลูออโรคาร์บอน ก๊าซซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ ก๊าซไนโตรเจน ไตรฟลูออไรด์ ไอน้ำ โอโซน และ สารซีเอฟซี ซึ่งจากสถานการณ์ที่มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกมากเกินไปนี้เอง จึงได้เกิดข้อตกลงการควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยความร่วมมือของหลายหน่วยงานในระดับโลก

ในประเทศไทย ปัญหาของก๊าซเรือนกระจกก็ใกล้เคียงกับที่อื่นๆ โดยก๊าซส่วนใหญ่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ภาคการเกษตรเป็นรอง และระดับครัวเรือนตามมาเป็นอันดับสาม การแก้ไขปัญหานี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือทั้งระดับมหภาคจากรัฐบาลเป็นแกนนำ และระดับจุลภาคหรือระดับครัวเรือนเป็นตัวเสริม ในระดับมหภาคนั้น รัฐบาลไทยได้ปรับโครงสร้างพลังงาน ลดสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงขยายแนวคิดการใช้พลังงานหมุนเวียนให้เป็นพลังงานทดแทนในทุกภาคส่วน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วย รวมทั้งเรื่องของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ซึ่งรัฐบาลกำหนดแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตรถยนต์ในประเทศในปี 2573

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังส่งเสริมการปลูกและเพิ่มพื้นที่ป่า และการพัฒนาตลาดซื้อขายคาร์บอน เป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยสามารถเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยรัฐบาลมีแผนในการเพิ่มพื้นที่ปลูกป่าในประเทศ จากร้อยละ 31.8 เป็นร้อยละ 40 ในปี 2579 เพื่อเพิ่มศักยภาพการดูดซับก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

ในระดับครัวเรือน เราสามารถเริ่มต้นที่ตัวเรา โดยลดความอยากให้น้อยลง อย่าอยากกินของไกลเกินตัวที่ต้องนำเข้าหรือขนส่งในระยะทางไกล มันสิ้นเปลื้องน้ำมัน อย่าอยากกินเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะเราจะกลายเป็นผู้ร่วมมือปล่อยก๊าซมีเทนขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ และอย่าอยากใช้ของใหม่ตลอดเวลา ยิ่งในสภาวะที่น้ำมันแพงและข้าวของแพงด้วยแล้ว ใช้เท่าที่มีจะทำให้เราเป็นกำลังสำคัญในการช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างจริงจัง


https://www.thaipost.net/ptt/182746/

รูปขนาดเล็ก
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name:	650728_Thaipost_01.jpg
Views:	0
Size:	32.1 KB
ID:	22196  
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 28-07-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


'เจ้าท่า' เร่งเสริมทรายหาดจอมเทียนปักหมุดแล้วเสร็จ พ.ย.นี้


"กรมเจ้าท่า" กางแผนความคืบหน้าเสริมทรายชายหาดจอมเทียน จ.ชลบุรี 6.5 กม. วงเงิน 986 ล้านบาท เฟส 1 ระยะทาง 3.5 กม. เสร็จ พ.ย.นี้ พร้อมลุยเฟส 2 อีก 3 กม. คืนความสวยงามให้ชายหาด หนุนเศรษฐกิจท่องเที่ยวในประเทศ

27 ก.ค. 2565 ? นายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ระยะทาง 6.5 กิโลเมตร (กม.) งบประมาณ 986 ล้านบาท แบ่งเป็น ระยะ (เฟส) ที่ 1 ระยะทาง 3.5 กม. งบประมาณ 586 ล้านบาท เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยการเสริมทรายฯ ความกว้าง 50 เมตร ตั้งแต่ด้านทิศใต้ของหาดจอมเทียนไปทางทิศเหนือบริเวณบริเวณซอยนาจอมเทียน 11 ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้วระยะทาง 800 เมตร และส่งมอบพื้นที่ชายหาดให้กับเทศบาลตำบลนาจอมเทียน ตั้งแต่เดือน ก.ค.2563 และอยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนที่เหลือ คาดว่าจะแล้วเสร็จ พ.ย.2565

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า และ ระยะที่ 2 ระยะทาง 3 กม. งบประมาณ 400 ล้านบาท โดยจะดำเนินการเสริมทรายฯ ความกว้าง 50 เมตร จากด้านทิศใต้บริเวณซอยนาจอมเทียน 11 (ต่อจากระยะที่ 1) ไปทางทิศเหนือบริเวณแนวโขดหิน หน้าสวนน้ำพัทยาปาร์ควอเตอร์เวิร์ล ซึ่งเริ่มเสริมทรายฯ ได้ในปี 66 คาดว่าแล้วเสร็จในเดือน พ.ย.2568โครงการฯ ดังกล่าวถือเป็นโครงการเร่งด่วน เนื่องจากพื้นที่ชายหาดจอมเทียนประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงและต่อเนื่อง โดยในช่วงปี 2510-2558 พื้นที่ชายหาดถดถอยและลดขนาดลงไปทุกปี หรือประมาณ 60 ไร่ ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน หากปล่อยทิ้งไว้จะไม่เหลือพื้นที่ชายหาดอีกต่อไป

ทั้งนี้ที่ผ่านมากรมเจ้าท่าได้ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำรวจออกแบบเพื่อเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน ตลอดแนวชายหาดจอมเทียน ความยาว 7 กม. จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า เงิน 1 บาทที่ลงทุน สามารถสร้างผลตอบแทนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ถึง 3.2 บาท และยังสร้างผลตอบแทนทางอ้อม ซึ่งไม่สามารถประเมินเป็นตัวเงินได้

นอกจากนี้โครงการดังกล่าวได้จัดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จำนวน 5 ครั้ง แบ่งเป็น ประชุมใหญ่ 3 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งแรกเดือน มี.ค.2558, ครั้ง 2 เดือน ก.ย.2558 และครั้งที่ 3 ช่วงเดือน ก.ย.2559 รวมทั้งจัดประชุมกลุ่มย่อยอีก 2 ครั้ง คือ เดือน มิ.ย.2558 และเดือน ก.ย.2558

ทั้งนี้เมื่อโครงการแล้วเสร็จครบทั้ง 2 ระยะ จะทำให้หาดจอมเทียนกลับมามีสภาพที่สวยงาม ช่วยฟื้นฟูและบำรุงรักษาระบบนิเวศชายฝั่งทะเลให้กับมามีสภาพสมบูรณ์ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชน และอุตสาหกรรมต่อเนื่องภายใน จ.ชลบุรี และยังกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสอดรับกับนโยบายการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี


https://www.thaipost.net/district-news/188667/
รูปขนาดเล็ก
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

Name:	650728_Thaipost_02.jpg
Views:	0
Size:	59.5 KB
ID:	22197  
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:14


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger