#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังปานกลาง ตลอดช่วง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ตลอดช่วง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย ระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
โลมาแม่น้ำแยงซี และสัตว์อื่นๆ ที่เสี่ยงสูญพันธุ์จากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ - "ไป่จี๋" หรือโลมาแม่น้ำแยงซี ได้รับฉายาว่า "เทพธิดาแห่งแม่น้ำแยงซี" เนื่องจากมีลำตัวสีขาวบริสุทธิ์ และเป็นสิ่งมีชีวิตที่พบได้ยากมาก จนเชื่อกันว่าพวกมันจะนำโชคลาภและการคุ้มครองมาสู่ชาวประมงในท้องถิ่นและทุกคนที่โชคดีพอที่จะได้เห็นพวกมัน - โลมาแม่น้ำแยงซี อาศัยอยู่ในแม่น้ำแยงซีตอนกลาง และตอนล่างของประเทศจีน รวมถึงแม่น้ำเซียนถังที่อยู่ในแถบบริเวณดังกล่าว มีผู้พบเห็นโลมาชนิดนี้ครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณปี 2006 หลังจากนั้น ก็ไม่มีใครพบเห็นเทพีแห่งสายน้ำอีกเลย โดยโลมาแม่น้ำแยงซีถูกขึ้นทะเบียนให้สูญพันธุ์ในปีดังกล่าว - นอกเหนือจากโลมาแม่น้ำแยงซี โลมาไร้ครีบแม่น้ำแยงซี ก็เผชิญกับการสูญพันธุ์ เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์และการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย รวมถึงสัตว์เลื้อยคลาน เช่น จระเข้จีน และเต่านิ่มยักษ์แยงซี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเต่าน้ำจืดที่มีชีวิตขนาดใหญ่ที่สุดในโล พวกมันได้รับฉายาว่า "เทพธิดาแห่งแม่น้ำแยงซี" เนื่องจากเป็นสิ่งมีชีวิตที่พบได้ยากมาก จนเชื่อกันว่าพวกมันจะนำโชคลาภและการคุ้มครองมาสู่ชาวประมงในท้องถิ่นและทุกคนที่โชคดีพอที่จะได้เห็น แต่การทำประมงที่มากเกินไปและกิจกรรมของมนุษย์ได้ผลักดันให้เกิดสูญพันธุ์ และไม่เคยมีใครได้พบเห็นอีกในทศวรรษที่ผ่านมา ซามูเอล ทูร์วีย์ นักสัตววิทยาและนักอนุรักษ์ชาวอังกฤษ ซึ่งใช้เวลากว่าสองทศวรรษในจีนพยายามติดตามสัตว์ดังกล่าว กล่าวว่า "ไป่จี๋ หรือโลมาแม่น้ำแยงซี เป็นสัตว์ที่มีเอกลักษณ์และสวยงาม ไม่มีอะไรที่เหมือนกับมัน" "มันอยู่มาหลายสิบล้านปีและอยู่ในตระกูลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แม้จะมีโลมาแม่น้ำชนิดอื่นๆ ในโลก แต่สายพันธุ์นี้แตกต่างออกไปมาก ดังนั้นพวกมันจึงแทบไม่มีความเกี่ยวข้องกับสายพันธุ์อื่น" โลมาแม่น้ำแยงซี และสัตว์อื่นๆ ที่เสี่ยงสูญพันธุ์จากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ทูร์วีย์ กล่าวว่า "การหายสาบสูญของพวกมันเป็นยิ่งว่าโศกนาฏกรรมของสายพันธุ์อื่น เป็นการสูญเสียความหลากหลายของแม่น้ำในแง่ของความเป็นเอกลักษณ์และก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ไว้ในระบบนิเวศ" ผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าสัตว์และพันธุ์พืชหายากอื่นๆ ของแม่น้ำแยงซีเกียง มีแนวโน้มที่จะประสบชะตากรรมที่คล้ายคลึงกันกับโลมาในแม่น้ำไป่จี๋ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายลงและสภาพอากาศที่รุนแรงส่งผลกระทบต่อแม่น้ำที่ยาวที่สุดในเอเชีย ประเทศจีนต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนที่เลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ และแม่น้ำแยงซีซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดเป็นอันดับสามของโลกกำลังแห้งเหือด ด้วยปริมาณน้ำฝนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ระดับน้ำในนั้นได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 50% ของระดับปกติในช่วงเวลานี้ของปี เผยให้เห็นพื้นแม่น้ำที่แตกระแหงและแม้กระทั่งเผยให้เห็นถึงเกาะที่จมอยู่ใต้น้ำ ความแห้งแล้งได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อแม่น้ำสายสำคัญที่สุดของจีน ซึ่งทอดยาวประมาณ 6,300 กิโลเมตร จากที่ราบสูงทิเบตไปยังทะเลจีนตะวันออกใกล้นครเซี่ยงไฮ้ แม่น้ำสายนี้ให้น้ำ อาหาร การขนส่ง และไฟฟ้าพลังน้ำแก่ผู้คนกว่า 400 ล้านคน มนุษย์ได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล โรงงานต่างๆ ถูกปิดเพื่อรักษากระแสไฟฟ้าและการจ่ายน้ำให้กับประชาชนหลายแสนคนได้รับผลกระทบ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สิ่งที่เราแทบไม่เคยพูดถึงคือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสภาพอากาศสุดขั้ว ที่มีผลกระทบต่อสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่ได้รับการคุ้มครองและคุกคามหลายร้อยชนิดที่อาศัยอยู่ในและรอบแม่น้ำ หัว ฟางหยวน นักนิเวศวิทยาด้านการอนุรักษ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าวว่า "แม่น้ำแยงซีเป็นแม่น้ำสายสำคัญทางนิเวศวิทยามากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในด้านความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศน้ำจืด และเรายังคงค้นพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ทุกปี" "ปลาที่แทบไม่มีใครรู้จัก และที่ไม่รู้จัก และสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ จำนวนมากมักเผชิญกับความเสี่ยงในการสูญพันธุ์อย่างเงียบๆ และเราก็ไม่รู้เพียงพอ" สัตว์หลายร้อยสายพันธุ์ตกอยู่ในความเสี่ยง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักอนุรักษ์และนักวิทยาศาสตร์ได้ระบุและบันทึกสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหลายร้อยชนิดที่มีถิ่นกำเนิดในแม่น้ำแยงซีเกียง หนึ่งในนั้นคือโลมาไร้ครีบแม่น้ำแยงซี ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับไป่จี๋ เผชิญกับการสูญพันธุ์เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์และการสูญเสียถิ่นที่อยู่ และสัตว์เลื้อยคลานที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง เช่น จระเข้จีนและเต่านิ่มยักษ์แยงซี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเต่าน้ำจืดที่มีชีวิตขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ผู้เชี่ยวชาญยังสังเกตเห็นการลดลงอย่างมากของปลาน้ำจืดพื้นเมืองหลายชนิด เช่น ปลาแพดเดิลฟิชและปลาสเตอร์เจียนที่สูญพันธุ์ไปแล้วในปัจจุบัน ส่วนสัตว์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญพันธุ์คือซาลาแมนเดอร์ยักษ์ของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทูร์วีย์ กล่าวว่า ประชากรสัตว์ป่ากำลังลดต่ำลง และสัตว์หลายสายพันธุ์กำลังใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว "แม้ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์คุ้มครอง แต่ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ของจีนก็ยังอยู่ภายใต้ภัยคุกคามที่มากขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นและความแห้งแล้ง จะไม่ส่งผลดีอย่างแน่นอนเมื่อมันมีความเสี่ยงอย่างยิ่ง" "พวกเขาต้องเผชิญกับภัยคุกคามอย่างการลักลอบล่าสัตว์ การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย และมลภาวะเป็นเวลานาน แต่เมื่อคุณเพิ่มปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าไป โอกาสในการอยู่รอดของพวกมันก็ลดลงอย่างมาก" เขากล่าวเสริม "พวกมันสามารถอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมน้ำจืดเท่านั้น และระดับน้ำที่ลดลงย่อมจะสร้างแรงกดดันต่อตัวเลขของสัตว์ตามธรรมชาติทั่วประเทศจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" ปัญหาของโลก กลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่น กองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) กล่าวว่า ชะตากรรมของแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นปัญหาสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับชาวจีนและรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประชาคมระหว่างประเทศในวงกว้างด้วย เจฟฟ์ ออปเปอร์แมน นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำกล่าวว่า ?แม่น้ำทั่วโลก ตั้งแต่ยุโรปไปจนถึงสหรัฐอเมริกา ได้ลดลงสู่ระดับการไหลที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบในทางลบต่อระบบนิเวศ? "การไหลของแม่น้ำที่ลดลงและน้ำที่อุ่นขึ้นในแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นภัยคุกคามต่อสายพันธุ์น้ำจืดและเพิ่มแรงกดดันต่อสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งอยู่แล้ว เช่น ปลาโลมาไร้ครีบแยงซี และจระเข้จีนที่หลงเหลืออยู่ตามธรรมชาติ ระดับแม่น้ำที่ลดลงยังส่งผลกระทบต่อสภาพของทะเลสาบและพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งมีความสำคัญต่อนกอพยพหลายล้านตัวตามเส้นทางบินในเขตเอเชียตะวันออก" หัว ฟางหยวน นักนิเวศวิทยาด้านการอนุรักษ์ กล่าวว่า การรับรู้ของสาธารณชนเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการช่วยแม่น้ำสายใหญ่ของจีนที่กำลังเผชิญความแห้งแล้ง "มนุษย์ต้องพึ่งพาธรรมชาติเพื่อความอยู่รอด นี่เป็นบทเรียนสำหรับทุกอารยธรรม" เธอกล่าว "แม่น้ำแยงซีเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศจีนและในเอเชีย และเป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมมาช้านาน แม้จะมีภัยคุกคามจากการอนุรักษ์และความสูญเสียอย่างรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีความหลากหลายทางชีวภาพมากมายให้อนุรักษ์ในและตามแนวแม่น้ำแยงซี" น้อยคนนักที่จะปฏิเสธความสำคัญและสัญลักษณ์ของแม่น้ำแยงซีเกียง แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า เว้นแต่จะมีการดำเนินการ และในไม่ช้า สายพันธุ์อื่นๆ จะติดตามชะตากรรมของปลาไป่จี๋และปลาแพดเดิลฟิชของจีน ทูร์วีย์ นักสัตววิทยาชาวอังกฤษ ได้เตือนถึงความเพิกเฉยของผู้คนที่ทำให้ไป่จี๋สูญพันธุ์ไป "แม่น้ำแยงซีเป็นอัญมณียอดมงกุฎของเอเชีย มันเต็มไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพอีกมากที่เราต้องต่อสู้เพื่อปกป้องมัน และเราต้องไม่สิ้นหวังในการช่วยเหลือสัตว์สายพันธุ์ต่างๆ เช่น ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ สัตว์เลื้อยคลานในแม่น้ำ และอื่นๆ" "หากมีสิ่งใดที่เราเรียนรู้ได้จากการตายของโลมาแม่น้ำแยงซี การสูญพันธุ์นั้นคงอยู่ตลอดไป และเราไม่อาจเข้าใจมันได้" https://www.thairath.co.th/news/foreign/2504256
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
ออสเตรเลียผงะ! ฝูงวาฬกว่า 200 ตัว เกยตื้นหมู่บนชายหาดแทสเมเนีย คาดตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 21 กันยายน ว่ามีวาฬมากถึงราว 230 ตัว เกยตื้นที่ชายหาดห่างใกลริมฝั่งทางตอนเหนือของรัฐแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และดูเหมือนว่าวาฬที่เกยตื้นเหล่านี้อาจจะตายแล้วครึ่งหนึ่ง นักชีววิทยาและสัตวแพทย์จากศูนย์อนุรักษ์ของแทสเมเนียได้เดินทางไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อหาสาเหตุการตายของวาฬในครั้งนี้ ขณะที่การสำรวจทางอากาศระบุว่าไม่พบว่ามีวาฬเกยตื้นเพิ่มเติม นายคริส คาร์ลิยอน นักชีววิทยาจากศูนย์อนุรักษ์สัตว์ของรัฐแทสเมเนียให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เมอร์คิวรีว่า สาเหตุการเกยตื้นที่เกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดคือ การว่ายผิดเส้นทาง โดยทฤษฎีที่น่าจะเป็นไปได้ในขณะนี้ คือ พวกวาฬน่าจะกำลังออกหาอาหารอยู่เลียบชายหาดและไม่สามารถว่ายน้ำออกไปได้เมื่อกระแสน้ำทะเลต่ำลง ซึ่งคาดว่าวาฬฝูงนี้มีแนวโน้มที่จะเกยตื้นกันตั้งแต่วันอาทิตย์ (18 กันยายน) ที่ผ่านมา ก่อนที่จะถูกพบว่าตายอยู่บนชายหาดในวันต่อมา ทั้งนี้ นายคริสยังกล่าวอีกว่า การเกยตื้นหมู่ของฝูงวาฬ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยแต่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมาย โดยก่อนหน้านี้ แทสเมเนียเคยเผชิญกับการเกยตื้นหมู่ของฝูงวาฬมาแล้วในปี 2020 ที่มีวาฬจำนวน 470 ตัว ติดอยู่ที่ชายหาดฝั่งตะวันตกของรัฐ ส่งผลให้วาฬนำร่อง (pilot whale) กว่า 300 ตัว ตาย แม้ว่าจะมีจิตอาสาจำนวนมากพยายามเข้าไปช่วยเหลือเป็นเวลาหลายวันก็ตาม https://www.matichon.co.th/foreign/news_3575497
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|